ปราสาทวากายามะ Wakayama Castle
ปราสาทวากายามะ Wakayama Castle
เป็นของตระกูล Asano อยู่ทางตะวันตกของยอดเขา Torafusu เดิมกำแพงด้านนอกถูกบุด้วยไม้สีดำ ภายในบริเวณปราสาทประกอบด้วยอาคารต่างๆที่เชื่อมต่อกัน มีลานอยู่ตรงกลาง โดยตัวปราสาทหลักมีความสูง 3 ชั้น
ในปี 1798 โทคุกาวา ฮารุโตมิ ขุนนางคนที่ 10 ของตระกูล Kishu ได้มีคำสั่งให้เปลี่ยนจากกำแพงบุไม้สีดำเป็นสีขาวอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
ในปี 1846 ตัวปราสาทถูกฟ้าผ่าและได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ เนื่องจากเป็นหนึ่งในปราสาทของตระกูล Tokugawa ในปี 1850 จึงได้มีการอนุญาตเป็นกรณีพิเศษเพื่อให้ช่างเข้าไปซ่อมแซมภายในตัวปราสาท
ในปี 1935 ปราสาท Wakayama ได้รับการยกย่องให้เป็นสมบัติแห่งชาติ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 9 กรกฎาคม 1945 ปราสาทถูกทำลายลงจากการทิ้งระเบิดในช่วงสงคราม และภายหลังสงครามสิ้นสุดลง ชาวเมือง Wakayama ได้เรียกร้องให้มีการซ่อมแซมและสร้างปราสาทใหม่ขึ้นมาชดเชย ในปี 1958 จึงได้มีการสร้างปราสาทขึ้นมาใหม่ โดยใช้คอนกรีตเพื่อเสริมความแข็งแรง
ขอเชิญเข้ากลุ่ม พูดคุย แลกเปลี่ยน เรื่องราวเที่ยวญี่ปุ่น
ที่กลุ่ม เที่ยวญี่ปุ่น ไปไหนมาแชร์
คลิกผ่านลิงค์ นี้ >>คลิก<<
หรือสแกน QR Code ตามรูปด้านล่างเลย
การเดินทาง
- นั่งรถบัสจากสถานี JR Wakayama หรือ Nankai Wakayama-shi และลงที่ป้าย Koen-mae
ค่าตั๋ว
- ผู้ใหญ่ (รวมถึงนักเรียนม.ปลาย) 410 เยน
- นักเรียน (ตั้งแต่เด็กเล็ก-ม.ต้น) 200 เยน
- มีส่วนลดสำหรับหมู่คณะ และเด็กเข้าฟรีในวันเสาร์
เวลาทำการ
- เปิด 09.00 – 17.30 น. (ประตูทางเข้าเปิดถึง 17.00 น.)
เดินเข้ามาก็จะเจอสวน บรรยากาศร่มรื่น ที่นี่จะสวยมากช่วงใบไม้เปลี่ยนสี
Nishinomaru-Teien Garden (Momijidano-Teien)
สวน Nishinomaru-Teien ถูกสร้างในยุคเอโดะตอนต้น ถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจ ในปี 1985 สวนแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็น Japanese Place of Scenic Beauty โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่ใบเมเปิ้ลร่วงหล่นลงในสระ ทำให้สวนแห่งนี้ถูกเรียกว่า Momijidano-Teien หรือ Garden of the Valley of Maple Leaves ช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ควรมาเที่ยวชม คือ ปลายกันยายน-ต้นพฤศจิกายน
Ohashiroka Bridge
สะพาน Ohashiroka ถูกสร้างเพื่อเป็นทางเชื่อมสำหรับขุนนาง ผู้ติดตามและหญิงรับใช้ ใช้ข้ามระหว่าง Nonimaru และ Nishinomaru ตัวสะพานมีการสร้างกำแพงและหลังคาเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกพบเห็นจากภายนอก ซึ่งสะพานแนวทะแยงขึ้นนี้เป็นสิ่งที่ค่อนข้างแปลกในญี่ปุ่น และสะพานนี้ได้มีการสร้างใหม่ในเดือนมีนาคม ปี 2006
บริเวณทางเดินขึ้นจะเห็นรากของต้นไม้ที่มีลักษณะเหมือนเด็กกำลังปีนบันใด
ระหว่างทางขึ้นไปยังตัวปราสาทจะเดินผ่านสวน และมีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น
ขึ้นมาถึงด้านบน จะเจอจุดชมวิว ซึ่งจะมองเห็นตัวเมือง Wakayama ด้านล่าง
ก่อนบริเวณทางเข้าปราสาท จะเจอมุมถ่ายรูปยอดนิยม ของปราสาทแห่งนี้
แผนผังของปราสาท จะเห็นว่าตัวปราสาทจะถูกล้อมรอบด้วยสวน
ซื้อตั๋วแล้วก็เข้าไปได้เลย
จะเห็นว่าตัวปราสาทมี 3 ชั้น
ภายในตัวปราสาท จะเก็บและแสดงสิ่งของโบราณต่างๆ
ขึ้นไปชั้น 3 สามารถออกไปด้านนอกตรงระเบียง เพื่อไปชมวิวเมือง Wakayama โดยรอบได้
ประตู Otemon และสะพาน Ichinohashi
Otemon แปลว่า ประตูหลักที่ใช้สำหรับเป็นทางเข้าไปในบริเวณชั้นในของปราสาท เดิมประตูนี้มีชื่อว่า Ichinohashi-gomon อยู่ติดกับสะพาน Ichinohashi ภายหลังในยุคของขุนนาง Asano ได้เปลี่ยนมาใช้ประตูนี้เป็นทางเข้าหลัก ในปี 1796 ได้มีการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Otemon Gate แต่สะพานยังคงใช้ชื่อเดิม
ในช่วงเดือนพฤษภาคม 1909 ประตู Otemon เกิดพังลงแต่ไม่มีการซ่อมแซม จนกระทั่งเดือนมีนาคม ปี 1982 และในช่วงเดือน มีนาคมปีถัดมาสะพาน Ichinohashi ก็ได้รับการบูรณะ
Okagushimon Gate
ในช่วงที่ก่อสร้างปราสาท ประตูนี้ได้ถูกใช้เป็นทางเข้าหลัก อย่างไรก็ตาม ในยุคของขุนนาง Asano ประตูนี้ถูกเรียกว่า Karametemon Gate และถูกใช้เป็นประตูหลัง
ประตู Okagushimon มีความสูง 2 ชั้น ถูกสร้างขึ้นในปี 1621 โดยตระกูล Tokugawa ประตูนี้รอดพ้นจากการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งที่ตัวปราสาทถูกทำลายลงเกือบทั้งหมด ทำให้ประตูนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่สิ่งที่ยังหลงเหลือมาจากยุคศักดินา (old feudal era) และประตู Okagushimon และกำแพงดินเผาซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของปราสาทได้รับการยกย่องให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ ในปี 1957
Ninomaru
ในสมัยของ Tokugawa ปราสาท Honmarugoten ตั้งอยู่บนยอดเขา แต่เนื่องจากความไม่สะดวกและความคับแคบของพื้นที่ จึงได้มีการสร้างที่พักและที่ทำงานของเหล่าขุนนางแยกมาในบริเวณ Ninomaru
Ninomaru แบ่งได้เป็น 3 ส่วน ส่วนนอกเป็นพื้นที่สำหรับผู้มาเยือน พื้นที่ส่วนกลางใช้สำหรับเป็นที่พักอาศัยของขุนนาง และห้องพักชั้นในเป็นที่ประทับส่วนตัวของขุนนางและสตรีรับใช้เท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้
เวลาเปิด-ปิด : 09.00 – 17.00 น. ทุกวัน
สวนจะปิดตั้งแต่ 29 ธันวาคม – 31 ธันวาคม
(สะพาน Ohashiroka ปิดตั้งแต่ 29 ธันวาคม – 3 มกราคม)
ดอกไม้ ที่สามารถชมได้ในแต่ละเดือน
- Daffodils Ninomaru และบริเวณอื่นๆ (ช่วงเดือนกุมภาพันธ์)
- Cherry Blossoms บริเวณลานรอบตัวปราสาท (ปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน)
- Japanese Globeflowers Tsuru no Tani Valley (เดือนเมษายน)
- Tree Peonies Ninomaru (ปลายเดือนเมษายน)
- Azaleas บริเวณรอบคูน้ำทางใต้ (ปลายเดือนเมษายน-ต้นเดือนพฤษภาคม)
- Hydrangeas Tsuru no Tani Valley (ต้นเดือนมิถุนายน)