เที่ยวญี่ปุ่นที่ Toba Aquarium และ ศาลเจ้าอิเสะ Ise
สำหรับท่านใดที่ยังไม่ได้อ่านรีวิวตอนก่อนหน้า สามารถคลิกลิงค์ไปอ่านได้เลยครับ
15 ก.พ. 2560
มาถึงวันที่ 3 แล้วคร๊าบ เช้านี้เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมและฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อน เพราะเดี๋ยวจะออกไปเที่ยวก่อนเที่ยวเสร็จค่อยกลับมาเอากระเป๋าครับ คืนนี้เราจะย้ายไปนอนอีกเมือง ที่เมืองไอกะ Iga ครับ แต่เดี๋ยววันนี้จะพาไปเที่ยวที่ Toba Aquarium สวนน้ำที่มีชนิดของสัตว์น้ำมากที่สุดในญี่ปุ่น และ ศาลเจ้า Ise ศาลเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของญี่ปุ่น ทำไมถึงศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในญี่ปุ่น ติดตามได้ในรีวิวเลยครับ ^^
เริ่ม ต้นออกเดินทางจากสถานี Iseshi Station ไปที่สถานี Toba Station
มาถึง Toba Station เห็นตราปั้มตรงสถานี เอาไว้ปั้ม เพื่อบอกว่าเราได้มาที่นี่แลว พกสมุดมานะครับ ฮ่าๆ เก๋มากๆ
เราจะไป Toba Aquarium ออกจากสถานีมาก็เดินตรงไปเรื่อยๆ
เจอลายแผนที่ตรงพื้น แวะถ่ายรูปเล่นกันซักหน่อย
ระหว่างทางก็จะมีร้านอาหาร เยอะเลย เห็นกุ้งตัวหนึงมันหลุดออกมานอกตู้ ก็เลยพากันชี้บอกเจ้าของร้านครับ ฮ่าๆ
ระหว่างทาง ขวามือ คนญี่ปุ่นชี้บอกเราว่า ร้านนี้เป็นร้านดังนะ เป็นร้านน้ำชา มีขนมโมจิ กับเค้กข้าว อร่อยมาก แต่เราไม่ได้แวะครับ เรารีบ 555
เดินมาถึงแล้ว Toba Aquarium ไม่ไกลครับ เดินจากสถานีโทบะ ราว 10 นาที
ขอเชิญเข้ากลุ่ม พูดคุย แลกเปลี่ยน เรื่องราวเที่ยวญี่ปุ่น
ที่กลุ่ม เที่ยวญี่ปุ่น ไปไหนมาแชร์
คลิกผ่านลิงค์ นี้ >>คลิก<<
หรือสแกน QR Code ตามรูปด้านล่างเลย
TOBA AQUARIUM
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโทบะอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำไว้มากที่สุดในญี่ปุ่น ที่นี่เป็นเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่นซึ่งได้อนุรักษ์พันธุ์พะยูนเอาไว้และได้รวบรวมสิ่งมีชีวิตแปลกๆ ที่ท่านไม่เคยเห็นมาก่อน สัตว์ที่ได้รับความนิยมซึ่งรวบรวมมาจากทะเลและแหล่งต่างๆ จากทุกมุมโลกกว่า 1,200 ชนิด รวมทั้งสัตว์หายากด้วย นอกจากนี้ ยังสามารถชมโชว์สิงโตทะเล พาเหรดเพนกวิน และการแสดงของวอลรัส ได้อีกด้วย
การเดินทางโดยรถไฟ
จากโตเกียว – นาโกย่า | โดย ชินคันเซ็น ขบวนโนโซมิ | ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที |
จากนาโกย่า – โทบะ | โดย รถด่วนพิเศษคินเท็ตสึ
โดย JR ขบวนรถเร็วมิเอะ |
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 35 นาที
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที |
จากโอซาก้านัมบะ – โทบะ | โดย รถด่วนพิเศษคินเท็ตสึ | ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง |
จากเกียวโต – โทบะ | โดย รถด่วนพิเศษคินเท็ตสึ | ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 13 นาที |
เวลาเปิดทำการ (เปิดทำการทุกวัน, รวมถึงวันหยุดประจำชาติ)
ตั้งแต่ 09.00 – 17.00 น.
(ยกเว้นระหว่าง 20 ก.ค. – 31 ส.ค. เปิดทำการ 08.30-17.30 น.)
*เปิดให้เข้าชมเป็นกลุ่มสดท้ายก่อนเวลาปิดทำการ 1 ชั่วโมง
*เวลาเปิดทำการอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า
อัตราค่าเข้าชม
- ผู้ใหญ่ 2,500 เยน
- นักเรียนประถามและมัธยมต้น 1,250 เยน
- เด็กเล็ก (ตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป) 630 เยน
ภายในจะแบ่งเป็นโซนๆ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์นี้ http://www.aquarium.co.jp/english/
ที่นี่เป็น Aquarium ที่มีชนิดของสัตว์น้ำมากที่สุดในญี่ปุ่น มีรอบการแสดงของสัตว์บางชนิดด้วย
พระเอกของที่นี่คือปลาพะยูน ตัวใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
สถานที่ใกล้เคียงและระยะเวลาเดินทาง
- ศาลเจ้าอิเสะจิงกุ (ชั้นนอก) นั่งรถราว 30 นาที
- ศาลเจ้าอิเสะจิงกุ (ชั้นใน) นั่งรถราว 20 นาที
- เกาะไข่มุก มิกิโมโต เดินราว 3 นาที
นั่งเรือรอบอ่าวอิเสะ
- ขึ้นที่หน้าเกาะไข่มุก เดินราว 4 นาที
- ขึ้นที่ท่าซาดาฮามะ เดินราว 20 นาที
- เรือเฟอร์รี่อ่าวอิเสะ เดินราว 1 นาที
เสร็จจาก Toba Aquarium เราจะเดินทางไปต่อที่ศาลเจ้า Ise ซึ่งสามารถนั่งรถบัสจาก Toba Aquarium ไปได้เลย
โดยเดินออกมาจาก Toba Aquarium แล้วเลี้ยวซ้าย เดินไปอีกนิดหนึงจะเจออาคารจอดรถ ซึ่งรถบัสที่เราจะนั่งไป จอดในซอยที่ผมยืนถ่ายรูปนี้เลยครับ มองหาป้ายกันได้
การเดินทาง
1.ขึ้นบัส : รูปล่าง นี่คือรถบัสที่เรานั่งมา สาย 51 สามารถใช้ JR Pass ขึ้นได้เลยโดยนั่งมาลงที่ป้าย Ise Naiku Mae
2.นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Iseshi Station จากนั้น ต่อแท๊กซี่มาอีก ไม่ไกลครับ
รูปล่างคือ Tourist Information Map ที่ตั้งอยู่ ตรงป้ายรถบัสที่เราลง โดยจะเห็นว่า โซนป่าฝั่งขวาสีเขียวๆ นั้น จะเป็นในส่วนของศาลเจ้า Ise Naiku และฝั่งซ้ายล่างจะเป็นโซนเมืองเก่า และถนนสายช๊อปที่เต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย Oharai Machi / Okage Yokocho
เมืองเก่า ถนนสายช๊อป Oharai Machi / Okage Yokocho
เดินมาอีกนิดเดียวจากป้ายรถบัส ก็จะเจอ ถนน Oharai Machi ดูบรรยากาศแล้วน่าเดินช๊อปมา เรามาถึงกันช่วงเที่ยงๆ พอดี ก้เลยจะแวะหาร้านทานข้าวกันก่อน
นี่คือร้านทานมื้อเที่ยงของเรา ขึ้นบันใดไปชั้น 2 กันเลย
และวันนี้จะพามาชิมเมนูเด็ด ของที่นี่กัน นั่นก็คือซูชิ หลายคนมองในรูปอาจจะถามว่าไหนซูชิ ชามซ้ายล่าง ซึ่งจะเป็นซูชิที่เนื้อปลาถูกปรุงรส มาอย่างดีแล้ว พอกินกับข้าวร้อนๆ แล้วอร่อยมากๆ เลยครับ อร่อยจริงๆ สมเป็นของดังของเมืองนี้ จะบอกว่าในรูปขาดไปอีกหนึ่งเมนูคือไข่ตุ๋นครับ ทางร้านลืมเสริฟมาด้วย ฮ่าๆ กว่าจะรู้ก็กินอิ่มกันหมดละ ทางร้านก็เลยลดราคาให้เรา
กินเสร็จก็เดินช๊อปกันต่อที่ Oharai Machi / Okage Yokocho
มาถึงญี่ปุ่น ไม่พลาดที่จะต้องหาไอติมชาเขียวทาน
ศาลเจ้าอิเสะ (Ise Jingu)
ทานข้าวและเดินช๊อปกันอย่างจุใจแล้ว ได้เวลา เข้าไปไหว้ขอพร ศาลเจ้าอิเสะ (Ise Jingu) กัน ที่นี่เป็นที่ๆ ผมอยากมาไหว้มากๆ เพราะได้ยินชื่อเสียงว่าเป็น ศาลเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในญี่ปุ่น เพราะอะไรรู้ไหมครับ ก็เพราะว่าศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้าของเทพพระอาทิตย์ ที่ถือว่าเป็นเทพเจ้าสูงสุด เป็นเทพของเทพเจ้าอีกทีครับ
ศาลเจ้าแห่งนี้มีผู้คนมาไหว้ขอพร จำนวนมากทุกวันครับ
การเดินเข้าไปในศาลเจ้าจะมีหลักการเดินเข้าไป คือ ก่อนเข้าตรงประตูเสาโทริอิ ให้โค้งคำนับ หนึ่งครั้ง จากนั้นพอเดินเข้าไปให้เดินชิดฝั่งขวาครับ จะไม่เดินตรงกลางนะครับ เพราะตรงกลางจะถือว่าเป็นทางเดินของเทพเจ้า ไม่ควรเดินครับ
ภายในศาลเจ้าก็จะร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้
ตามธรรมเนียมก่อนเข้าศาลเจ้า ก็ต้องชำระล้าง ทำตัวเองให้สะอาดก่อน ล้างมือ ล้างปาก
แม่น้ำอิซูสุ ภายในศาลเจ้าที่เมื่อก่อนชาวบ้านก็จะมาชำระร่างกายตรงนี้ ก่อนเข้าศาลเจ้า ปัจจุบันนี้ผู้คนก็ยังมาล้างมือล้างปาก ตรงนี้กันอยู่
อาคารตรงทางเดินนี้ก็จะเป็นอาคาร สำหรับบูชาเครื่องราง ต่างๆ ครับ ทริปนี้ ผมจัดมาซะครบครับ เป็นที่แรกเลยที่บูชาเครื่องราง กลับมาด้วย
ถึงบันใดทางขึ้นเข้าไปไหว้ศาลเจ้าแล้ว แต่ด้านในไม่ให้ถ่ายรูปนะครับ เลยไม่ได้เก็บภาพมาให้ชมกัน
ไหว้เสร็จก็เดินกันออกมาเลย
ก่อนออกมาเกือบพลาดไปถ่ายสะพานอุจิยาวกว่า 100 เมตร จากมุมข้างๆ เป็นสะพานที่สวยงามมากๆ
ตอนออกมาถึงหน้าประตูโทริอิ ให้หันหน้าเข้าหาศาลเจ้า และโค้งคำนับอีก 1 ครั้งนะครับ
เสร็จจากไหว้ศาลเจ้าแล้วเราก็เรียกแท๊กซี่กลับโรงแรมเพื่อไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้กันเลย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากศาลเจ้า เราจะเดินทางต่อไปอีกเมือง เราเปลี่ยนนอนคืนละเมืองครับ ฮ่าๆ
เรานั่งรถไฟจาก Iseshi Staion ไป Iga-Ueno Station ไปถึงก็เกือบๆ ทุ่มหนึงแล้วครับ รีบเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่โรงแรมก่อน แล้วก็รีบเดินไปร้านอาหารที่เราจองไว้ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมครับ
ด้านหน้าร้านที่เรามากินมื้อเย็นร้านสุกี้ยากี้ เนื้ออิกะ ของดีของดังประจำเมืองอิกะเลยคร๊าบ
เนื้ออิกะมาแล้ว ทำไมเค้าเรียกว่าเมืองอิกะ ละ ก็เพราะมันเป็นเนื้อที่เลี้ยงในเมืองอิกะไง ด้วยอาหารที่ใช้เลี้ยงและสภาพภูมิอากาศของแต่ละพื้นที่ ทำให้คุณภาพเนื้อของแต่ละที่ก็จะแตกต่างกันออกไป จึงต้องมีการตั้งชื่อเนื้อตามแต่ละเมืองที่เลี้ยง และที่นี่ไม่ว่าอะไร เค้าจะไม่มีการเอาของเมืองอื่นมาขายนะครับ เพราะเค้าเคร่งเรื่องคุณภาพและชื่อเสียงมาก
ระหว่างกินก็ถามพนักงานเค้านะครับว่าวัตุดิบทั้งหมดของมื้อนี้คือของที่อยู่ในเมืองอิกะทั้งหมดเลยไหม ได้รับคำตอบว่าเกือบทั้งหมดคือวัตถุดิบของเมืองอิกะ มีต้นหอมอย่างเดียวที่ไปเอามาจากอีกเมืองเพราะเมืองนั้นต้นหอม หวาน , ในใจคิดว่า โห ขนาดนั้นเลยเหรอ แค่ต้นหอมก็ต้องไปเอามาจากอีกเมือง 555
นี่ไงครับ สุกี้ยากี้ เนื้ออิกะ มันอร่อยมากก ให้คะแนน 10 10 10 เลยครับ นี่เป็นมื้อที่ผมยกให้เป็นอันดับ 1 ของอาหารทุกมื้อในทริปนี้
อิกะ สมกับเป็นเมืองนินจาจริงๆ ตามเมืองนี่มีนินจาเกาะตามเสาไฟ มาดึกๆ อาจจะตกใจได้ หลักถนนยังเป็นนินจาเลย
กลับโรงแรมแล้ว คืนนี้เราพักที่โรงแรม Iga Ueno City Hotel
จบการเดินทางวันที่ 3 คร๊าบ ติดตามกันต่อ เดี๋ยววันพรุ่งนี้จะพาไปเล่นหิมะครับ
ติดตามการเดินทางวันที่ 4 ได้ตามลิงค์นี้เลยครับ >>Click<<
อ่านรีวิวตอนอื่นๆ ได้ที่นี่ครับ
- รีวิวตะลุยญุี่ปุ่น เส้นทาง OSAKA-NAGOYA : DAY 1 ออกเดินทาง การแลก JR PASS และพาเที่ยว WAKAYAMA
- รีวิวตะลุยญุี่ปุ่น เส้นทาง OSAKA-NAGOYA : DAY 2 ศาลเจ้า KUMANO NACHI ,น้ำตก NACHI และ ศาลเจ้า FUTAMI-OKITAMA
- รีวิวตะลุยญุี่ปุ่น เส้นทาง OSAKA-NAGOYA : DAY 3 พาเที่ยว TOBA AQUARIUM และ ศาลเจ้า ISE ศาลเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของญี่ปุ่น
- รีวิวตะลุยญุี่ปุ่น เส้นทาง OSAKA-NAGOYA : DAY 4 พาเที่ยวหมู่บ้านนินจา และพาไปเล่นหิมะที่ GOZAISHO ROPEWAY
- รีวิวตะลุยญุี่ปุ่น เส้นทาง OSAKA-NAGOYA : DAY 5 ไปล่องเรือ ONE PIECE ,เก็บ STRAWBERRY และ TAKESHIMA FANTASY MUSEUM
- รีวิวตะลุยญุี่ปุ่น เส้นทาง OSAKA-NAGOYA : DAY 6 ตอนจบ พาไปชมพิพิธภัณฑ์แก้ว โรงงานชาเขียว โรงงานมิโซะ และชมสนามบิน Centrair