Review : พาตะลุยหิมะ ที่ออสโล ประเทศนอร์เวย์ กับทริปสั้นๆ 3 วัน 2 คืน ก่อนออกไปล่าแสงเหนือ
ทริปนี้ต้องบอกเลยว่า มีโอกาสได้เดินทางไปที่ออสโล ประเทศนอร์เวย์ เพราะว่าจะต่อเครื่องไปไอซ์แลนด์เพื่อไปล่าแสงเหนือ เห็นหลายรีวิวมาออสโลเพื่อมารอต่อเครื่องกันจริงๆ ผมเลยคุยกับเพื่อนเลยว่า เราได้มาออสโลแล้วเราเที่ยวที่ออสโลกันก่อนแล้วกันนะ เพราะเราคงไม่ได้มาที่นี่กันบ่อยๆ แน่ ได้มาแล้วก็ต้องเที่ยวหน่อยละ เพราะออสโลก็มีที่เที่ยวน่าสนใจเยอะเหมือนกัน แต่หลายคนอาจจะบอกว่า ออสโลของแพง แต่ผมบอกเลยนะว่า จากที่ไปมา ผมว่าออสโลก็ถูกกวาสวิส อะ ผมว่าค่าใช้จ่ายก็พอๆ กับอีกหลายประเทศในโซนยุโรปนะครับ
ทริปนี้ เราไป 15 วันเต็ม มีผมกับเพื่อนอีกคน (เป็นทริปที่หาแนวร่วมยากมาก หลายคนติดเรื่องของเวลา 555) เที่ยวกัน 2 ประเทศ คือไอซ์แลนด์ และ นอร์เวย์ โดย 3 วันแรก เราเที่ยวที่ออสโล (อยู่เที่ยวออสโลก่อนเพื่อปรับเวลา) จากนั้นก็บินไป ไอซ์แลนด์อีก 9 วัน 9 คืน แล้วก็บินกลับมาที่นอร์เวย์ และเราไปเที่ยวเมือง Bergen ต่ออีกเมืองก่อนบินกลับ
ช่วงที่เราไปเป็นช่วงหน้าหนาวเลยครับ หิมะเต็มไปหมด แต่เราเตรียมความพร้อมในการรับมือกับความหนาวไปเต็มที่ เลยเที่ยวได้แบบไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องความหนาวเท่าไร
ไปเริ่มเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ
- ทำวีซ่าก่อนการเดินทาง
HOW TO : การขอวีซ่าเชงเก้นไปล่าแสงเหนือที่ “ไอซ์แลนด์” อย่างละเอียด
- ทำไมหลายคนเลือกที่จะบินไปลงออสโล เพื่อที่จะต่อเครื่องไปไอซ์แลนด์
ผมพยายามค้นหาว่าในเมืองไอซ์แลนด์ สามารถบินไปได้จากหลายประเทศในยุโรป ทำไมคนถึงเลือกบินไปลงออสโลกันซะเยอะ และก็ได้พบว่า ถ้าบินจากออสโลไปไอซ์แลนด์ จะสามารถหาตั๋วไปกลับในราคาที่ถูกได้ไม่ยาก เพราะมีหลายสายการบินที่บินเส้นทางนี้ เช่น Icelandair , SAS และ Norwegian Air Shuttle เป็นต้น ทำให้ราคาโปรเส้นนี้ออกมาค่อนข้างบ่อย เมื่อเทียบกับการเดินทางออกจากเมืองอื่นของยุโรป
และอีกหนึ่งเหตุผลคือ จากไทยไปออสโล มีเที่ยวบินตรงของการบินไทย ทำให้ไม่เหนื่อย และไม่เสียเวลาในการเดินทาง ซึ่งไฟล์ทมีบินตรงทุกวันครับ สามารถดูรายละเอียดเพ่มเติมได้ที่เว็บขงการบินไทยเลย www.thaiairways.com
ไปเริ่มต้นการเดินทางกันเลยครับ
เดินทางมาถึงที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนไปเคาน์เตอร์เช็คอิน แวะไปรับ Pocket Wifi ที่ชั้นล่างสนามบินตรง Airport Link กันก่อน เจ้านี้ผมเคยใช้ครั้งหนึงแล้วตอนไปออสเตเรียครับ ชอบตรงแบตอยู่ได้นานมาก ชาร์ทวันละครั้งก็พอ ส่วนสัญญานก็ปกติดี ไม่ได้มีปัญหาอะไร
รอบนี้ไปยุโรปก็เลยเลือกเจ้านี้อีก เพราะเช่าครั้งเดียวใช้ได้ทั่วยุโรปครับ ทริปนี้ผมไปนอร์เวย์ และไอซ์แลนด์ ก็ใช้ได้ดี ไม่มีปัญหาอะไร
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามลิงค์นี้เลยนะครับ >>> คลิก
สำหรับการเดินทางในทริปนี้ ผมบินกับ Thai Airways หรือการบินไทยสายการบินแห่งชาติของเรานี่เอง ข้อดีคือบินตรง จาก กรุงเทพ ไปที่ ออสโล ประเทศนอร์เวย์เลย บริการแบบ Full Service เลือกที่นั่ง อาหาร และโหลดกระเป๋าได้ฟรี 30 กิโล ราคาโปรโมชั่นต่ำสุดที่ผมเห็นช่วงที่ผมเดินทางคือ ไปกลับ 25,000 บาท/คนครับ ราคานี้ถือว่าสวยมากนะครับ เพราะบินตรงด้วย
อย่างที่บอกครับว่าทริปนี้จริงๆ จะไปล่าแสงเหนือที่ไอซ์แลนด์ แต่เลือกบินไปลงออสโล เพราะว่า จากออสโลไป ไอซ์แลนด์นั้น สามารถหาตั๋วได้ในราคาไม่แพง เพราะมีหลายสายการบินให้เลือก จึงเลือกบินตรงของการบินไทยไปลง ออสโลเลย จะได้ไม่ต้องต่อเครื่องหลายรอบ และไหนๆ ก็ไปลงออสโลแล้วก็ขอเที่ยว ออสโลก่อน 3 วันครับ
ข้อมูลเที่ยวบิน จากกรุงเทพ – ออสโล
- วันที่ : 25 ก.พ. 2017
- ออกเดินทาง: 00:20 กรุงเทพฯ, ไทย – นานาชาติสุวรรณภูมิ
- เดินทางถึง: 06:50 ออสโล, นอร์เวย์ – การ์เดร์โมน
- สายการบิน : Thai Airways International TG 954
- เครื่องบิน : Boeing 777-300
- ประเภทค่าโดยสาร : SUPER SAVER PLUS/ชั้นประหยัดราคาพิเศษ
ตรงมาที่ชั้น 4 ขาออกระหว่างระเทศเลยครับ การบินไทยเช็คอินต่างประเทศที่ Row H ซึ่งไฟล์ทกลางคืนคนเยอะมาก เพราะการบินไทยมีบินออกไฟล์ทกลางคืนค่อนข้างเยอะครับ ส่วนผมนั้นทำ Web Check-in มาก่อนแล้วเรียบร้อย ไปที่ช่อง BAG DROP เพื่อโหลดกระเป๋าได้เลย ช่องนี้โลงมากครับ ไปถึงก็โหลดกรเป๋าได้เลย แนะนำว่าใครจะเดินทางให้ทำ Web Check-in ล่วงหน้ามาเลยนะครับ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปต่อแถวเช็คอินใหม่
จากนั้นก็เข้าไปด้านในกันเลย ด้วยความที่ผมมีคูปองเข้าเลานจ์การบินไทย ที่ได้มาจากบัตรเครดิต (ต้องใช้คู่กับตั๋วของการบินไทย) ก็เลยแวะไปอาบน้ำและหาของกินในเลานจ์ ซะหน่อย ตักของกินมาชิมหลายอย่าง ไปถูกใจกับข้าวต้มมัดครับอร่อยจริงๆ กินหมดไป 3 ชิ้นเลย
ใกล้ได้เวลาขึ้นเครื่องเดินไปรอที่หน้าเกท กันดีกว่า ไฟล์ทนี้เต็มแบบแน่นเลยครับ ผู้โดยสาร 90 กว่า% เป็นฝรั่ง มีคนไทยเพียงไม่กี่คนเท่านั้นเอง ไฟล์ทนี้บินด้วยเครื่องรุ่น Boeing 777-300 ที่นั่งชั้นประหยัดจะเป็นแบบ 3-3-3 มีจอ ที่เสียบปลั๊กไฟ และช่องเสียบ USB ทุกที่นั่ง ขาไปโชคดีได้นั่งแถวหน้าเลย บินไฟล์ทกลางคืนแบบนี้ต้องนั่งติดทางเดิน หรือแถวหน้าที่ลุกไปเข้าห้องน้ำได้สะดวกๆ ครับ
ด้วยความที่ไฟล์ทเต็มมาก ก็เลยถ่ายรูปมาให้ชมได้ไม่มากครับ
มาถึงอาหารที่เสริฟบนเครื่อง ไฟล์ทนี้บินตรงยาวๆ 12 ชั่วโมง สำหรับขาไป จะมีเสริฟเป็นอาหารมื้อหลัก 2 มื้อ คือช่วงแรกที่เครื่องขึ้นเลย แล้วก็ปล่อยให้หลับกันยาวๆ เสริฟอีกมื้อก็ก่อนเครื่องลง ประมาณ 3 ชั่วโมง
อาหารตามรูปคืออาหารพิเศษ ที่ผมเข้าไปสั่งล่วงหน้ามาก่อน สั่งเป็นเมนูอาหารแบบไม่มีคอเลสเตอรอล แลดูรักสุขภาพ นะครับ 555 ข้อดีของการสั่งอาหารพิเศษคือ ได้กินก่อนชาวบ้านคนอื่นครับ เพราะแอร์จะเอามาเสริฟให้ก่อนคนอื่นเลย รสชาติอาหารที่ผมสั่งมาจะจืดๆ หน่อยนะครับ ส่วนตัวแนะนำทานเป็นเมนูปกติดีกว่าถ้าอยากกินแบบอร่อยๆ นะครับ ขากลับผมก็เข้าไปยกเลิกที่สั่งอาหารพิเศษไว้เรียบร้อย 555
และแล้วก็บินมาถึงสนามบินออสโลช่วงเช้า หิมะต้อนรับตั้งแต่สนามบินเลย ระหว่างที่เครื่องกำลังลดระดับ มองลงมาข้างล่าง นี่ขาวโพลนไปหมด เมืองถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ที่นี่เวลาจะช้ากว่าไทย 6 ชั่วโมงนะครับ บินกันมา 12 ชั่วโมง ผมดูหนังจบไป 3 เรื่อง ครับ 555 เป็นคนที่เวลาขึ้นเครื่องจะนอนไม่ค่อยหลับแม้จะเป็นไฟล์ทบินกลางคืนก็ตาม
- เล่าเหตุการณ์ตรง ตม.
พอลงเครื่องมาพวกผมก็มุงตรงไปที่ ตม. เลยครับ โดนถามเยอะพอสมควร เพราะถือวีซ่าเชงเก้นไอซ์แลนด์ แต่เข้ามาออสโล ก็เลยอธิบายไปว่า เที่ยวที่นอร์เวย์ประมาณ 5 วัน แล้วก็อยู่ที่ไอซ์แลนด์ประมาณ 10 วัน เอาแผนการเดินทางให้ จนท ดู จนท ก็ขอดูตั๋วเครื่องบินขากลับเราก็เอาให้ดู
มาเถียงกันเบาๆ ตรงตัวเครื่องบินนี่ละครับ คือผมได้วีซ่ามาค่ 15 วัน และทริปนี้ก็ไป กัน 15 วันพอดี แต่ขากลับ จนท ดันไปดูวันที่ ที่เดินทางถึงไทย ซึ่งแน่ละ ถ้าดูวันที่ถึงไทยมันก็จะเกินวีซ่า ผมก็บอกว่ามันไม่ใช่นะ เราเดินทางออกวันที่ 15 พอดี ซึ่งไม่เกินนะ จนทก็เลยนับวันใหม่ แบบ งงๆ สุดท้ายก็ผ่านกันมาได้ครับ นึกว่าจะมีปัญหาซะแล้ว
***ตรงนี้จำเป็นนะครับ ที่ผู้เดินทางต้องรู้เรื่องกฏการใช้วีซ่าเชงเก้น และควรรู้แผนการเดินทางของตัวเอง ถึงแม้ทริปนั้นเราจะมีคนนำทีมให้เราก็ตาม แต่ผู้เดินทางคนอื่นๆ ในทริปก็จำเป็นต้องรู้นะครับ ไม่ใช้ตอบไปแบบมีคนวางแผนให้ เราตามๆ เค้ามา แบบนั้นไม่ได้ กรณีนี้ใช้กับทุกประเทศนะครับ
- การแลกเงิน
ที่นอร์เวย์จะใช้เงิน Nok นะครับ ไม่ได้ใช้เงิน Euro ส่วนผมก็เรียกได้ว่าไปแต่ตัวครับ ไม่ได้แลกเงินไปเลย ไปถึงก็ไปเดินหาตู้ ATM กดเงิน ใช้บัตรเดบิต กดเอาเลยครับ ง่ายดี บัตรคิดค่าธรรมเนียมการกด 100 บาท ส่วนเรท ก็จะมีบอกก่อนครับ ( 1 Nok ประมาณ 4 บาท)
- การเดินทางจากสนามบิน ออสโล, การ์เดร์โมน – เข้าเมือง
ขอพูดถึงแค่รถไฟแล้วกันนะครับ ซึ่งรถไฟก็จะมี 2 แบบ คือ รถไฟธรรมดา และ รถไฟแบบ express สนามบินออสโลไม่ได้อยู่ไกลจากตัวเมืองครับ รถไฟธรรมดาก็ใช้เวลาเดินทางประมาณ ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง ดังนั้น พวกผมก็ขึ้นรถไฟธรรมดา ราคา 93 Nok/เที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ ครึ่งชั่วโมง ระหว่างทางจะมี จนท มาตรวจตั๋ว และบอกพวกผมว่า ยูกำลังนั่งอยู่ตู้เงียบนะ
ประมาณ 9.30 น. เราก็เดินทางมาถึง Oslo Sentralstasjon หรือ Oslo Central Station นั่นเองครับ ลงรถไฟมาก็ต้องลากกระเป๋าผ่านความหนาวเย็นเข้าไปหาความอุ่นในตัวอาคารของสถานี
ด้วยความที่มาถึงแต่เช้า ที่พักยังเช็คอินไม่ได้ เลยพากันลากกระเป๋าไปฝากไว้ที่ล๊อคเกอร์ในสถานีกันก่อน ตามป้าย Luggage lockers ไปได้เลย ล๊อคเกอร์ที่นี่ส่วนใหญ่จะต้องใช้บัตรเครดิตในการจ่ายเงิน แต่ก็จะมีบางตู้ที่สามารถใช้เหรียญหยอดได้ (การใช้บัตรเครดิตต้องมีกด PIN 4 ตัว ซึ่งบัตรเครดิตของไทยเกือบทุกใบจะไม่มี PIN สำหรับซื้อของ ที่ไทยจะใช้วิธีการเซ็นชื่อแทน ดังนั้นถ้าไปเจอเครื่องจ่ายเงินอัตโนมัติ ที่ต้องใส่ PIN บัตรเครดิตของไทยก็จะใช้ไม่ได้ )
โดนค่าล๊อคเกอร์ไป 60 Nok ครับ ราคาแล้วแต่ขนาดล๊อคเกอร์ ของผมเลือกช่องสำหรับใส่กระเป๋า Size 28 นิ้ว ครับ
- การเดินทางในออสโล
การเดินทางในออสโลนั้น มีระบบขนส่งสาธารณะ ที่ค่อนข้างสะดวกสบายมากครับ ทั้ง รถบัส รถราง และรถไฟฟ้าใต้ดิน อีกทั้งยังมีบัตร 24 ชั่วโมง ในราคา 90 Nok ที่ให่เราเดินทางได้อย่างไม่จำกัดทุกการขนส่ง ตลอด 24 ชั่วโมง
***แนะนำว่า หากซื้อบัตรนี้ ให้วางแผนเดินทางไปที่เที่ยวที่ไกลๆ ก่อนครับ จะได้คุ้มค่าบัตร เพราะสถานที่เที่ยวหลายที่สามารถเดินไปได้จาก Oslo Central Station
ไปเริ่มเที่ยวกันเลย
Day 1
The Royal Palace พระรางวังประจำเมือง Oslo
ข้อมูล : พระราชวังจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ในช่วงฤดูร้อน โดยจะต้องไปกับมัคคุเทศก์เท่านั้น ทางเข้า Slottsgården จะอยู่ทางด้านตะวันตกของตัวปราสาท แต่ละทัวร์จะใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ตัวอาคารตกแต่งในสไตล์นีโอคลาสสิค ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 1849 โดยรอบตัวพระราชวัง ถูกตกแต่งไปด้วยสวนสีเขียวชอุ่ม ต้นไม้ใหญ่ สระน้ำและรูปปั้น
- ทหารเปลี่ยนเวรยามทุกวัน เวลา 13.30 น.
- มัคคุเทศก์ ภาษานอร์เวย์ มีทุก 20 นาที วันจันทร์-วันพฤหัส, วันเสาร์และวันอาทิตย์ ตั้งแต่ 11.00-17.00 น. / วันศุกร์ เวลา 12.00-17.00 น.
- มัคคุเทศก์ ภาษาอังกฤษ มีทุกวัน เวลา 12.00 น., 14.00 น., 14.20 น. และ 16.00 น.
- สามารถซื้อตั๋วได้ที่เว็บ ticketmaster.no, Oslo Visitor Centre, ร้านสะดวกซื้อ Narvesen และทางโทรศัพท์ (+47) 815 33 133.
- ตั๋วที่เหลือจะมีขายที่หน้าทางเข้า
- ค่าตั๋ว
-เด็กต่ำกว่า 3 ขวบ เข้าฟรี -เด็ก ราคา 105 NOK
-ผู้สูงอายุ/นักเรียน ราคา 105 NOK -ผู้ใหญ่ ราคา 135 NOK
- การเดินทาง
ลงที่สถานี Nationaltheatret หรือ Slottsparken
- เว็บไซต์ 1.www.visitoslo.com 2.www.visitnorway.com
สถานที่แรกของวันนี้ มาเที่ยวพระราชวัง ประจำเมืองกันเลย เราพากันนั่งรถบัสมาลงที่ถนน ด้านหน้า พระราชวัง จากนั้นก็เดินเข้าไปครับ ถนนเส้นหน้าพระราชวังนี้ จะตรงยาวไปถึง Oslo Central Station เลยครับ เดินไปได้เรื่อยๆ ไม่ถือว่าไกลมาก พึ่งจะมาค้นพบกันตอนวันจะกลับนี่ละครับ 555
วันนี้อากาศดีครับ แดดออก บริเวณโดยรอบก็เต็มไปด้วยหิมะ ก็ดูสวยไปอีกแบบครับ สำหรับการมาช่วงหน้าหนาวแบบนี้ เราพากันเดินเล่น ถ่ายรูปรอบๆ พระราชวัง แบบค่อนข้างชิลล์ๆ ครับ ดูไม่รีบ เที่ยวรอเวลาที่จะไปเช็คอินเข้าที่พัก ฮ่าๆ
ถนน Karl Johans gate
ข้อมูล : ถนนเส้นหลักในกรุงออสโล คือ Karl Johans Gate ตั้งตามชื่อของกษัตริย์ Karl Johan แห่งนอร์เวย์ ถนนเส้นนี้เริ่มจากสถานีรถไฟหลัก Oslo Central Station ไปจนถึงพระราชวัง โดยพื้นที่บริเวณนี้ เต็มไปด้วยร้านคาเฟ่ คลับ บาร์ ร้านค้า ห้างสรรพสินค้าและโรงแรม เรียกได้ว่ามีทุกอย่างรวมอยู่ในบริเวณนี้เลยทีเดียว
พื้นที่แถบ Tinghuset และ Stortorvet จะเต็มไปด้วยคลับ บาร์แจ๊ส/บลูส์ ในขณะที่บริเวณ Karl Johans gate จะเต็มไปด้วยบาร์และร้านค้า และมักจะมีงานอีเว้นท์หรือคอนเสิร์ตมาจัดที่นี่บ่อยๆ โดยเฉพาะในทุกๆวันที่ 17 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันรัฐธรรมนูญแห่งชาติ บนท้องถนนจะเต็มไปด้วยผู้คนจากหลากหลายเมือง แต่งชุดประจำชาติมาร่วมเฉลิมฉลอง
เว็บไซต์ : 1.http://oslo-norway.ca/ , 2.https://www.visitoslo.com/
ถนนเส้นนี้เป็นถนนเส้นหลักเลยครับ ที่ระหว่างทางเต็มไปด้วยสถานที่สำคัญต่างๆ และสถานที่ท่องเที่ยว ที่สำคัญของเมือง ร้านค้าต่างๆ ก็เยอะ และมีสถานีรถไฟใต้ดินทั้งต้น กลาง และปลาย ของถนนเส้นนี้ เดินเที่ยวได้เลยง่ายๆ ครับ
วันนี้อากาศเป็นใจมากครับ วันไหนที่แดดออก ผมถือว่าเป็นวันที่ดีมาก สำหรับการเที่ยวและการถ่ายรูปครับ ฮ่าๆ แดดออกแล้วเดินเที่ยวง่าย ไม่หนาวมาก
Universitetsplassen
ข้อมูล : เป็นจัตุรัสที่อยู่ใจกลางเมืองออสโล นอร์เวย์ ตั้งอยู่ระหว่างถนน Karl Johans gate และมหาวิทยาลัยออสโล และในทุกๆ ปีพื้นที่บริเวณนี้ ยังถูกใช้เป็นที่จัดพิธีต้อนรับนักศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัยออสโลอีกด้วย (เริ่มมาตั้งแต่ปี 1923)
ตึกทั้ง 3 ที่ตั้งอยู่รอบจัตุรัสเป็นของคณะนิติศาสตร์ ถูกสร้างขึ้นในปี 1852 ซึ่งนับว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของนอร์เวย์ โดยตึกตรงกลางคือ Domus Media ตึกฝั่งตะวันออกคือ Domus Academica และตึกฝั่งตะวันตก คือ Domus Bibliotheca โดยทั้งหมดถูกออกแบบโดย Christian Heinrich Grosch ซึ่งเป็นสถาปนิกชื่อดังของนอร์เวย์
การเดินทาง
- สามารถนั่งรถบัส, แทรม หรือรถไฟ มาลงที่ สถานี Nationaltheatret และเดินมาทางถนน Karl Johans gate
เว็บไซต์ 1.https://goo.gl/pJQKUH 2.https://goo.gl/4lzrCi 3.https://goo.gl/zncNtn
ระหว่างทางเดินตลอดถนนเส้นนี้ก็จะเจอสถานที่ สำคัญๆ หลายที่ครับ
National theatret โรงละครแห่งชาติของนอร์เวย์
ข้อมูล : โรงละครแห่งชาติของนอร์เวย์แห่งนี้เป็นสถานที่จัดแสดงการแสดงต่างๆ เช่น แสดงละคร การเฉลิมฉลอง และโชว์ศิลปะการต่อสู้ต่างๆ Hovedscenen เป็นเวทีหลัก ถูกสร้างขึ้นในปี 1899 ซึ่งเป็นปีเดียวกับโรงละครนั่นเอง เดิมสามารถจุคนดูได้ 1,268 ที่นั่ง แต่ภายหลังมีการปรับลดลงเหลือเพียง 741 ที่นั่ง ในการเข้าชมโรงละครนั้น มีมัคคุเทศก์พาชมและบรรยายความเป็นมาและข้อมูลต่างๆ ให้ด้วย โดยจะเริ่มจากห้องโถง เข้าสู่ห้องแต่งตัวของนักดนตรีและนักแสดง ระเบียงด้านข้างและภายในโรงละคร และไปสิ้นสุดที่ห้องอาหาร
นอกจากนี้ยังสามารถชมงานศิลปะต่างๆ ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดของนักแสดง คนมีชื่อเสียงโดยจิตกรชื่อดังของนอร์เวย์
สามารถซื้อตั๋วได้ที่ช่องขายตั๋ว หรือโทร (+47) 815 00 811.
- การเดินทาง
ลงที่สถานีรถไฟ National theatret
- เว็บไซต์ https://www.visitoslo.com
โรงละครแห่งชาตินี้ก็จะตั้งอยู่ถนนเส้นหลักเลย พวกผมไม่ได้เข้าไปด้านในนะครับ เดินถ่ายรูปอยู่เฉพาะด้านนอก ผู้คนแวะเวียนมาถ่ายรูปด้านหน้าโรงละครอยู่เรื่อยๆ
บริเวณ หน้า National theatret และ Stortinget จะมีลานสเก็ต อยู่ครับ เข้าใจว่าเป็นลานสเก็ตสาธารณะ นะครับ เพราะเห็นคนเค้าเอาอุปกรณ์มาเล่นกันเองเลย ส่วนถ้านักท่องเที่ยวอยากเล่น ตรงนั้นก็จะมีให้เช่าอุปกรณ์ ดูเค้าเล่นกันสนุกสนานมาก ถ้าใครมีเวลา ลองแวะเล่นดูนะครับ
Stortinget หรือรัฐสภา
อาคารรัฐสภา อีกที่ๆ ไม่ควรพลาดในการที่จะแวะมาถ่ายรูป สังเกตว่าคนที่นี่ชอบมานั่งอาบแดดตรงสวนด้านหน้าของอาคารรัฐสภา ครับ จะชิลล์ไปไหน
ข้อมูล : อาคารรัฐสภา เปิดใช้มาตั้งแต่ปี 1866
- มัคคุเทศก์ ที่จะพาชมตึกรัฐสภา สำหรับหน้าฤดูร้อนจะมีทุกวันจันทร์-ศุกร์ / ฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง มีทุกวันเสาร์
- จุดนัดพบคือ ทางเข้า Akersgata อยู่ด้านหลังของตัวตึก 15 นาที ก่อนเริ่มทัวร์ เข้าชมได้ฟรี ไม่จำเป็นต้องจองล่วงหน้า
- ถ้าเป็นกลุ่มทัวร์ จะได้เป็นช่วงวันทำงาน (จันทร์-ศุกร์) ระหว่างเดือนตุลาคม-มิถุนายน จะต้องทำการติดต่อจองล่วงหน้า
- การเดินทาง
- ทางรถไฟใต้ดิน ลงที่สถานี Stortinget
- รถโดยสาร ลงที่ สถานี Eidsvolls plass, Prof. Aschehougs plass หรือ Kongens gate
- เว็บไซต์ https://www.visitnorway.com
เสร็จจากตรงนี้เราจะเดินมุงไปที่ ป้อมปราการ Akershus ระหว่างทางก็จะเจออีกหนึ่งประติมากรรมรูปมือ ซึ่งมีคนบอกว่ามาออสโล อย่าลืมมาถ่ายรูปนี้นะ และก็ได้มาเจอโดยบังเอิญมากๆ
ตอนนี้เริ่มมาอยู่บน ป้อมปราการ Akershus แล้วครับ เดินมาเรื่อยๆ แต่ตอนนั้นยังไม่รู้นะครับ ก็ถ่ายรูปไปเรื่อย ชมวิวเมืองออสโลไปเรื่อย
ปราสาทและป้อมปราการ Akershus
ข้อมูล : ชื่อภาษานอร์เวย์ คือ Akershus festning
ปราสาทและป้อมปราการโบราณอาเคอร์ชูส์ ถูกสร้างในปี 1299 ในสมัยของกษัตริย์ Håkon ที่ 5 ปราสาทยุคกลางแห่งนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงปี 1300 โดยมีชัยภูมิตั้งอยู่บนยอดเนินริมทะเล ในสมัยของกษัตริย์ Christian ที่ 4 ได้มีการบูรณะซ่อมแซมปราสาทให้มีความทันสมัยมากขึ้น และปรับให้เป็นปราสาทตามแบบ Renaisssance และยังเป็นที่ประทับของราชวงศ์อีกด้วย
ช่วงหน้าร้อนมีไกด์พาทัวร์ด้วย โดยจะเริ่มจาก Fortress Visitor Centre หรือถ้ามาเป็นกลุ่มก็มีไกด์ไว้รองรับด้วยเช่นกัน
บริเวณป้อมปราการ มักจะมีการจัดงานอีเว้นท์ คอนเสิร์ต หรืองานเฉลิมฉลองตามเทศกาลต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง
เวลาเปิด-ปิด
- เข้าชมฟรี
- ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2016 – 30 เม.ย. 2017 เปิดทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ เวลา 07:00 – 21:00 น.
- ตั้งแต่ 1 พ.ค. 2017 – 30 ก.ย. 2017 เปิดทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ เวลา 06:00 – 21:00
การเดินทาง
- แทรม สายที่ 12 ลงที่สถานี Christiania torv
- รถประจำทาง ลงที่สถานี Rådhusgata, Rådhusgata, Vippetangen, Rådhuset หรือ DFDS/Stena Line (Vippetangen) ก็ได้
- รถไฟใต้ดิน ลงที่สถานี Stortinget
เว็บไซต์ http://www.visitoslo.com/
เราพากันเดินมาเรื่อยๆ เข้ามาทางด้านหลังของป้อม
มุมไฮน์ไลท์ ของ ปราสาทและป้อมปราการโบราณอาเคอร์ชูส์
เดินชมไปเรื่อยๆ มุมนี้ก็จะเห็นเป็นป้อมปืนใหญ่ ที่จะสามารถมองเห็นวิวทะเล และท่าเรือ มาช่วงหน้าหนาวนี่ต้องเดินระวังๆ หน่อยนะครับ เพราะหิมะเยอะ อาจจะลื่นได้
พากันเดินออกมาอีกด้านของป้อม เพื่อที่จะเดินไปที่ท่าเรือ เดินเลาะกำแพงป้อมไปเรื่อยๆ ชมวิวท่าเรือ เดินเรื่อยๆ ได้บรรยากาศมาก
Nobel Peace Center
ข้อมูล : ชื่อภาษานอร์เวย์ คือ Nobels Fredssenter
- พิพิธภัณฑ์ Nobel Peace Prize มีจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับสงคราม, สันติภาพและการยุติความขัดแย้งต่างๆ
- มีโชว์รายชื่อผู้ทรงเกียรติที่ได้รับรางวัลโนเบล บนจอ digital screen เล็กๆ ตกแต่งไปด้วยแท่งใยแก้วนำแสงกว่า 1000 แท่งด้านล่าง
- นอกจากนี้ ยังมีร้านขายของและ มีกิจกรรมสำหรับเด็ก อย่าง “Fred and Toca Loca” ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที
เวลาเปิด-ปิด
- ฤดูหนาว (1 ก.ย.–30 เม.ย.): วันอังคาร-วันอาทิตย์ 10.00–18.00 น..
- ฤดูร้อน (1 พ.ค.–31 ส.ค.): วันจันทร์-วันอาทิตย์ 10.00–18.00 น..
วันที่ปิดทำการ
- 1 ม.ค., 17 พ.ค., 9-10 ธ.ค. (เปิด 12.30–14.30 สำหรับถ่ายทอดพิธีมอบรางวัล Nobel Peace Prize), 11, 24-25 และ 31 ธ.ค.
ค่าตั๋ว
- ผู้ใหญ่ : 100 NOK
- นักเรียน/ผู้สูงวัย : 65 NOK
- ตั๋วครอบครัว : 180 NOK
- เด็ก อายุต่ำกว่า 16 ปี: เข้าฟรี
การเดินทาง
- รถแทรม สาย 12 ลงที่สถานี Aker Brygge
- รถโดยสาร ลงที่สถานี Rådhuset, Vestbanen, Vika, Dokkveien
- รถไฟ ลงสถานี NSB National theatret
- รถไฟใต้ดิน ลงที่สถานี Nationaltheatret, Stortinget
เว็บไซต์ https://www.nobelpeacecenter.org/en/
วันนี้มาไม่ได้เข้าไปดูด้านในของ พิพิธภัณฑ์ Nobel Peace Prize กะว่าวันหลังจะมาดู แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มาครับ เดี๋ยวต้องหาโอกาสไปใหม่อีกรอบ
Town Hall
ข้อมูล : ชื่อภาษานอร์เวย์ คือ Oslo rådhus
ศาลากลางเมือง Oslo เริ่มเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อปี 1950 ตัวอาคารตกแต่งในแบบ Norwegian art ยุค 1900-1950 โดยมีแรงบันดาลใจมาจากประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของนอร์เวย์
เข้าชมฟรี
เวลาที่เปิดให้เข้าชม
- 2 พ.ค. – 30 มิ.ย. 2017: วันจันทร์-วันอาทิตย์ เวลา 09:00 – 16:00 น.
- 1 ก.ค. – 31 ส.ค. 2017: วันจันทร์-วันอาทิตย์ เวลา 09:00 – 18:00 น.
การเดินทาง
- สามารถนั่ง Tram สาย 12 ลงที่สถานี Rådhusplassen
- รถไฟใต้ดิน ลงที่สถานี Nationaltheatret
- รถโดยสาร ลงที่สถานี Rådhuset หรือ Klingenberg
เว็บไซต์ https://www.visitnorway.com/ ; https://www.visitoslo.com/
สถานที่มอบรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพเพียงรางวัลเดียวที่มอบที่ศาลาว่าการกรุงออสโลประเทศนอร์เวย์
วันนี้เรายังไม่ได้เข้าไปข้างในครับ เพราะมาตอนเวลาใกล้จะปิดแล้ว ก็เลย เดินเที่ยวด้านนอกก่อน เดี๋ยวพาชมด้านในกันวันหลัง ซึ่งบริเวณด้านหลังของ ศาลาว่าการกรุงออสโลนี้ ก็จะเป็นท่าเรือและ ป้อมปราการโบราณอาเคอร์ชูส์ สามารถเดินถึงกันได้หมด
เดินเที่ยวกันจนถึงช่วงเย็นแล้ว ได้เวลากลับไปเอากระเป๋าที่ฝากล๊อคเกอร์ไว้ที่ Oslo Center Station เดี๋ยวนั่งรถบัสกลับไปกันเลยครับ ระหว่างนั่งรถบัสมา เจอโรงแรมที่จองไว้พอดีเลย ดีละจะได้ไม่ต้องไปเดินหาครับ
ตอนเดินออกมาจากสถานนีรถไฟ ก็เจอเจ้ารูปปั้นเสื้อ ที่เป็นอีกสัญลักษณ์หนึงของเมืองแห่งนี้เลย เพราะนักท่องเที่ยวแทบทุกคน จะต้องแวะมาถ่ายรูปคู่กับเจ้าเสือตัวนี้ นักท่องเที่ยวบางคนนี้ปีนขึ้นหลังเสือถ่ายรูปกันเลยทีเดียว แอบบตลกอยู่เหมือนกันครับ เฮ้ยนั่นเสือนะ 555
ที่พัก : Comfort Hotel Xpress Central Station
- เข้าพัก 2 คืน ครับ เช็คอิน 25 ก.พ. เช็คเอา 27 ก.พ. 2560
- ที่ตั้ง อยู่ติดสถานี Oslo Center Station ออกมาแล้วเจอเลยครับ ตึกตรงกลางตามรูปด้านบน
- จองเป็นห้อง 2 คน เตียง Twin ราคา 3577/คืน ไม่รวมอาหารเช้า ***จองช่วงลดราคานะครับ
- ระบบเช็คอินเช็คเอาท์ที่นี่ เจ๋งมากครับ ให้ลูกค้าทำเองเลย มีเครื่องตั้งวางไว้ให้ ทั้งจ่ายเงิน และทำคีย์การ์ด ไม่มีพนักงานมาดูเลยครับ ให้ลูกค้าจัดการเองเลย ผมพึ่งเคยเจอ
ผมชอบโรงแรมนี้มากครับ เพราะที่ตั้งดีมาก อยู่ติดสถานีรถไฟหลัก และติด ถนนเส้นหลัก Karl Johans Gate เดินเที่ยวง่ายเลย และห้องพักก็สะดวกสบายมาก และชั้นล่างก็จะมีบาร์เล็กๆ ให้นั่งดื่ม นั่งเล่นได้
เราเข้าที่พักกันประมาณ 5 โมงเย็นครับ ตอนแรกว่าค่ำๆ จะออกไปเดินเที่ยว แต่เราก็เผลอหลับยาวกันทั้งคู่ ด้วยความที่ยังปรับเวลายังไม่ได้ ก็เวลาที่ไทยจะเที่ยงคืนแล้ว แต่ที่ออสโลเวลาจะช้ากว่าไทย 6 ชั่วโมง
จบสำหรับวันแรก เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง กว่า 12 ชั่วโมงจากไทย แถมมาถึงเที่ยวต่อกันเลย วันนี้ก็เลยหลับตายตั้งแต่ 5 โมงเย็น ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้พาไปเที่ยวกันต่อครับ
Day 2
สวัสดีเช้าวันที่ 2 วันนี้เราตื่นกันค่อนข้างเช้ามาก ก็แน่ละ เพราะยังชินกับเวลาไทยอยู่ เมื่อวานเปิดดูทีวีของนอร์เวย์ เจอเค้าแข่งสกีจั้ม กัน ดูสถานที่แล้วน่าไปมาก เลยพากันหาข้อมูลว่ามันอยู่ตรงไหน ก็เลยเจอว่าอยู่ในออสโลนี่เองนั่งรถไฟไปไม่ไกล งั้นจัด เลย 1 สถานที่สำหรับที่เที่ยววันนี้
วันนี้พยากรณ์ อากาศบอกว่า ช่วงเช้าอากาศดี แต่ประมาณ บ่ายโมงหิมะจะตก โอเคงั้นเรารีบออกไปเที่ยวครับ โดยไปหามื้อเช้ากินกันก่อนใน Oslo Center Station ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อเยอะครับ ในนี้ หาของกินง่าย พวกผมก็ฝากท้องกันไว้ในร้านเบอร์เกอร์ ซะส่วนใหญ่ เพราะกินง่ายดี ราคาไม่แพงมาก
จากนั้นไปขึ้น รถไฟใต้ดิน ไปลงที่สถานี StationHolmenkollen กันเลย พอถึงแล้ว เดินตามป้ายมาที่ Ski Museum and Ski Jump อีกไม่ไกลครับ ใครจะมาที่นี่ยิ่งช่วงหน้าหนาว เตรียมชุดกันหนาวมาให้พร้อมนะครับ เพราะที่ตั้งอย่บนเขา จะหนาวและลมเป็นพิเศษ
เดินมาเรื่อยๆ จะเจอจุดที่สามารถชมวิว ที่มองเห็นวิวเมืองออสโลได้ ของจริงตินนั้นสวยมากครับ รู้สึกชอบบรรยากาศมาก
Holmenkollen สถานที่สำหรับการกระโดดสกีที่มีชื่อเสียงที่สุดในนอร์เวย์
ข้อมูล : เป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญอีกแห่งของนอร์เวย์ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงออสโล Holmenkollen เป็นสถานที่ที่จัดการแข่งขันสกีมานับศตวรรษแล้ว ภายในเป็น Holmenkollen Ski Museum ซึ่งจัดแสดงประวัติของการเล่นสกี ที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 4000 ปี มีจำลองการสำรวจขั้วโลกของชาวนอร์เวย์ รวมถึงจัดแสดงเกี่ยวกับสโนว์บอร์ดและสกีสมัยใหม่ จุดชมวิวตั้งอยู่ชั้นบนของลานกระโดดสกี สามารถชมวิวเมืองออสโลได้รอบทิศทางเลยทีเดียว
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน จันทร์-อาทิตย์ , วันจันทร์-เสาร์ 09:00–18:00 น. , วันอาทิตย์ 10:00–16:00 น.
ค่าตั๋ว
- ผู้ใหญ่ 130 NOK , เด็ก (6- 18 ปี) 65 NOK
- ครอบครัว (ผู้ใหญ่ 2 คน และเด็ก 2 คน) 320 NOK
- นักเรียน/ผู้สูงอายุ 110 NOK , นักท่องเที่ยวที่มี Oslo-pass เข้าได้ฟรี
การเดินทาง : ทางรถไฟใต้ดิน ลงที่สถานี StationHolmenkollen เดินตามป้ายมาที่ Ski Museum and Ski Jump ประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์ : https://www.visitnorway.com/ https://www.visitoslo.com/ http://www.skiforeningen.no/priser/
ที่นี่พื้นที่กว้างมาก มีทั้งลานแข่งสี อาคารกระโดดสกีซึ่งมี 2 ที่ และเป็นสถานที่จัดแข่งกีฬาโอลิมปิกอีกด้วย ตรงแท่นกระโดดสกีด้านล่างนี้ ใหญ่และสูงมากจริงๆ ครับ
พวกผมพากันปีนบันใดขึ้นมาด้านบน (สูงมาก เล่นเอาขาสั่นเลย) ซึ่งด้านบนก็จะมี Holmenkollen Ski Museum และร้านกาแฟ ให้นั่งพักและเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวได้ด้วย
ดูซิครับ ใหญ่มากแค่ไหน คงจุคนดูได้เยอะมาก
รูปด้านล่างนี้จะเป็นลานแข่งสกีครับ เห็นคนมาเล่นเยอะ มากันเป็นกลุ่มๆ คนที่นี่เค้าจะพกอุปกรณ์กันมาเองเลย เห็นถือขึ้นรถไฟตอนขามาเยอะหลายคนเลย
พอกันเดินต่อไปที่แท่นกระโดดสกีอีกที่ ซึ่อยู่ไม่ไกลกัน แท่นนี้คือที่เราเห็นเค้าแข่งในทีวี มาวันนี้ก็มีแข่งครับ ไปแอบบยืนดูแป๊ปหนึง แต่เสียวแทน
เที่ยวที่นี่อยู่พักใหญ่ก็ได้เวลากลับแล้ว เดิี๋ยวเดินกลับไปที่สถานีรถไฟ เหมือนเดิม สังเกตุว่า ฟ้าเริ่มครึ้มๆ มาแล้ว
เดี๋ยวเราจะไปเที่ยวกันต่อที่สวนประติมากรรมวิกเกอร์แลนด์ โดยจะนั่งจากสถานี Holmenkollen ไปลงที่สถานี Borgen ต่อเดียวถึงเลยนะครับ แต่พอลงมาแล้วต้องเดินต่อไปที่สวนกันอีกซักพักเลย ระหว่างเดินหิมะก็เริ่มตกลงมาแล้ว พยากรณ์อากาศนี่แม่นจริงๆ ขาวไปหมดละครับแถวนี้ หิมะตกแรงมาก
สวนประติมากรรมวิกเกอร์แลนด์ Vigeland Sculpture Park
ข้อมูล : สวนประติมากรรมวิกเกอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในนอร์เวย์ โดยมีผู้เข้าชมประมาณหนึ่งล้านคนต่อปี
ในสวนจัดแสดงผลงานประติมากรรมของ Gustav Vigeland มีมากกว่า 200 ชิ้น มีทั้งที่เป็นรูปหล่อทองสัมฤทธิ์ แกรนิตและเหล็กหล่อ
ผลงานที่มีชื่อเสียง ได้แก่ รูปหล่อทองสัมฤทธิ์ของเด็กน้อยจอมโมโห หรือ little Angry Boy, แท่งหินแกรนิตแกะสลัก Monolith และ Wheel of Life
เข้าชมฟรี เปิดทั้งปี ตลอด 24 ชม.
ที่ตั้ง : อยู่ในเขต Majorstua และ Frogner ทางตะวันตกของเมือง Oslo ทางเข้าหลักจะอยู่ทางถนน Kirkeveien
การเดินทาง
- นั่งรถบัสสาย 20 หรือ tram สาย 12 ลงที่สถานี Vigeland Park. รถไฟสายตะวันตก (T-bane) ลงที่สถานี Majorstuen
เว็บไซต์ http://www.visitoslo.com/
สังเกตุว่ามาเที่ยวช่วงหน้าหนาว หลายที่จะมีการปรับปรุงซ่อมแซมช่วงนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมสถานที่ให้สวยงามในช่วงหน้าร้อนซึ่งเป็นไฮซีซั่น ที่นี่ก็มีปิดปรับปรุงเหมือนกันบางส่วนครับ ถ่ายรูปไม่ได้เลยวันนี้ ทั้งหิมะตก ทั้งบางส่วนปิดปรับปรุง
สังเกตว่าคนที่นี่ชอบพาหมาออกมาเดินเล่นกันเยอะ
อีกด้านหนึงก็เป็นสวน ฝั่งนี้น่าจะเป็าทางเข้าหลักเลย ถึงหิมะจะตกแรง แต่คนก็เข้ามากันเรื่อยๆ ก็ถือว่าสนุกและได้บรรยากาศไปอีกแบบ
ได้เวลากลับ อากาศแบบนี้คิดถึงห้องที่โรงแรมมาก กลับไปหาความอุ่นดีกว่า เพราะวันนี้หิมะน่าจะตกยาวเลยครับ ดูจากพยากรณ์ เที่ยวไม่ได้ละ
จากนั้นก็นั่งรถบัสมาต่อรถไฟ กลับมาที่ Oslo Center Station
มาถึง หน้า Oslo Center Station หิมะก็ยิ่งตกแรงมากๆ
เจ้าเสือตากหิมะอย่างเดียวดาย แลดูโดดเดี่ยวมาก ปกติคนจะต้องรุมถ่ายรูป
จบวันที่ 2 ด้วยภาพหิมะตก ซึ่งบางเวลาอาจจะกลายๆ ว่าเป็นฝน ตั้งใจว่าจะไปเดินถนนตอนกลางคืน แต่เดินไม่ได้เลยครับ ทั้งเปียก ทั้งหนาว กลับห้องนอนดีกว่า
Day 3
สวัสดีเช้าวันที่ 3 วันนี้เราต้องเช็คเอาท์โรงแรม แล้ว รูปแรกนี่ถ่ายจากหน้าต่างห้องพักเลยนะครับ จะมองเห็น Oslo Center Station เลย ที่ตั้งดีมาก เช้านี้เช็คเอาท์แล้วก็พากันลากกระเป๋าไปฝากไว้ที่ล๊อคเกอร์ใน Oslo Center Station แต่วันนี้หิมะเต็มไปหมด การลากกระเป๋าบนพท้นที่เป็นหิมะนี่เหนื่อยมาก
ช่วงค่ำวันนี้เราจะบินต่อไปล่าแสงเหนือที่ไฮซ์แลนด์นะครับ ดังนั้นวันนี้ในออสโล เรามีเวลาทั้งวันเลย แพลนเที่ยววันนี้ไม่มีอะไรมาก เดินเที่ยวไปเรื่อยๆ อาจจะมีไปเก็บที่เดิมซ้ำบ้าง เพราะวันนี้อากาศดี จะกลับไปถ่ายรูปครับ
Oslo Cathedral โบถส์คู่เมืองของ Oslo
ข้อมูล : มหาวิหารออสโล มีมาตั้งแต่ปี 1697 และในปี 1950 ได้มีการปรับแต่งภายในเป็นสไตล์บาโรค และมหาวิหารแห่งนี้เป็นศาสนสถานที่สำคัญของนอร์เวย์ เนื่องจากเคยใช้เป็นสถานที่จัดพิธีแต่งงานและพิธีศพของราชวงศ์นอร์เวย์และรัฐบาล
- มีผู้คนมาเยี่ยมชมทุกวันโดยเฉพาะในวันอาทิตย์ สามารถเข้าชมได้ฟรี
- มีมัคคุเทศก์พาทัวร์ แต่มีค่าใช้จ่ายและจะต้องทำการจองล่วงหน้า
- ห้องสวดมนต์ที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของมหาวิหารถูกออกแบบโดย Arnstein Arneberg ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 1950 “The bazaar halls” ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี 1841-1858.
- เดิมมีชื่อว่า Our Saviour’s Church
- ชื่อภาษานอร์เวย์ คือ Oslo domkirke
เวลาเปิด-ปิด
ตั้งแต่วันนี้- 31 ธค 2017
วันจันทร์-พฤหัสบดี, วันเสาร์และอาทิตย์ เปิดเวลา 10:00 – 16:00 น. / วันศุกร์ เปิดเวลา 16:00 – 06:00 น.
การเดินทาง : Tram ลงที่สถานี Stortorvet , ทางรถไฟ ลงที่สถานี Oslo Central Station
เว็บไซต์ https://www.visitoslo.com/
ที่แรกที่มาเลยซึ่งอยู่ใกล้ๆ ที่พักเราเลยครับ นั่นก็คือมามหาวิหารประจำเมืองออสโล
โอเปร่าเฮ้าส์ออสโล Oslo Opera House
ข้อมูล : ชื่อในภาษานอร์เวย์ คือ Den Norske Opera & Ballett
Oslo’s Opera House ตั้งอยู่บริเวณฝั่งขวาของท่าเรือ เป็นอาคารสีขาว ลักษณะเฉียงขึ้นเหมือนกำลังโผล่ขึ้นมาจากทะเล ผู้เข้าชมสามารถขึ้นไปบนหลังคาเพื่อชมวิวเมือง Oslo ได้ตลอดทั้งปี นอกจากนี้ ผู้ชมสามารถมองลอดผ่านผนังกระจกเพื่อชมการซ้อมหรือ workshop ต่างๆ ภายในได้อีกด้วย การตกแต่งภายในจะใช้ไม้โอ๊คเป็นหลัก หอประชุมใหญ่เป็นรูปทรงเกือกม้า คล้ายกับโรงละครในสมัยก่อน โรงละครนี้ถูกออกแบบโดยสถาปนิกชาวนอร์เวย์จากบริษัท Snøhetta ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงและได้รับรางวัลอันทรงเกียรติมาอย่างมากมาย
The Norwegian National Opera & Ballet มี 3 เวทีหลัก คือ The Main House (1369 ที่นั่ง), Second House (400 ที่นั่ง) และthe Studio (200 ที่นั่ง) บริเวณดาดฟ้าและห้องโถงยังสามารถใช้ในการจัดแสดงคอนเสิร์ตต่างๆ อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีไกด์พาชมจุดต่างๆ ในโอเปร่าเฮ้าส์ มีทั้งภาษาอังกฤษและภาษานอร์เวย์
- ไกด์ภาษาอังกฤษ วันจันทร์-ศุกร์ และอาทิตย์ เวลา 13.00 hrs , วันเสาร์ เวลา 12.00 น.
ราคา ผู้ใหญ่ NOK 100 / เด็ก (4–16 ปี): NOK 60
การเดินทาง
- ทางเท้า จาก Oslo Central Station เดินมาทาง Christian Frederiks Plass ผ่านตึก Tollbodene และข้ามถนน Langkaigata จะเห็นป้ายบอกทางไป opera house
- ทางรถราง ลงที่สถานี Jernbarnetorget/Oslo Central Station และเดินทางตามป้ายบอกทาง ผ่าน Østbanehallen shopping centre เดินตรงมาทางฝั่งถนน Strandgata เข้าสู่ถนน Operagata
เวลาทำการที่จำหน่ายตั๋ว
- จันทร์-ศุกร์ : 10.00–19.00 น.* / เสาร์ : 11.00–18.00 น.* / อาทิตย์ : 12.00–18.00 น.*
*วันเสาร์-อาทิตย์ ที่จำหน่ายตั๋วจะเปิดจนกว่าการแสดงรอบสุดท้ายจะเริ่มแสดง
สามารถจองตั๋วทางโทรศัพท์ได้ ที่หมายเลข 21 42 21 21 (ตั๋วจองล่วงหน้าได้ 5 วัน)
วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00–16.00 น. และวันเสาร์ เวลา 11.00-17.00 น.
เว็บไซต์ http://operaen.no / http://www.visitoslo.com/
มาหลังวันที่หิมะตกนี่ แถวนี้ดูขาวไปหมดเลยครับ ขนาดพื้นน้ำ ยังแข็ง และถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ บรรยากาศสวยและแปลกตามากๆ
พากันเดินเที่ยวไปเรื่อยๆ จนไปเจอ พิพิธภัณฑ์ Armed Forces Museum เข้าฟรีด้วยจัดเลย
Armed Forces Museum
ข้อมูล : ภาษานอร์เวย์ คือ Forsvarsmuseet
พิพิธภัณฑ์ Armed Forces Museum ตั้งอยู่ในบริเวณปราสาท Akershus เปิดใช้งานเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ปี 1978 โดย HM King Olav ที่ 5 ที่นี่เป็นสถานที่จัดแสดงประวัติศาสตร์ทางการทหารของนอร์เวย์ตั้งแต่ยุคไวกิ้งมาจนถึงศตวรรษที่ 21 รวมถึงการเข้าร่วมสหภาพเดียวกับเดนมาร์ค จนถึงปี 1814 และเข้าร่วมกับสวีเดน จนถึงปี 1905 และเยอรมันได้บุกโจมตีนอร์เวย์ ในปี 1940 ซึ่งเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ภายในมีร้านค้า ร้านอาหาร และงานจัดแสดงต่างๆ
เวลาเปิด-ปิด
- 1 พ.ค. – 2 มิ.ย. และ 5 มิ.ย. – 31 ส.ค. 2017 เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 17:00 น.
- 1 ก.ย. 2017 – 22 ธ.ค. 2017 เปิดวันอังคาร -อาทิตย์ เวลา 10:00 – 16:00 น.
การเดินทาง : โดยรถบัส สาย 60 ลงที่ Vippetangen
เข้าฟรี
ที่มา : https://goo.gl/QQawDA
เว็บไซต์ https://goo.gl/EhzZy5
บางทีก็แอบบอิจฉาคนที่นี่นะครับ เพราะที่ออสโลมี พิพิธภัณฑ์ ดีๆ เยอะมาก หลากหลาย แถมหลายที่ยังเข้าชมได้ฟรีเลย และ พิพิธภัณฑ์ บ้านเค้าคือทำดีมาก เหมาะกับเป็นแหล่งเรียบรู้ที่ดีมาก
เดินต่อมาที่ ป้อมปราการโบราณอาเคอร์ชูส์ ซึ่งอย่กับพิพิธภัณฑ์ เลย วันนี้ตั้งใจจะมาเก็บรูปอีกมุม และก็มาเจอว่า ด้านในมีร้านขายของที่ระลึก แต่ทางเข้าแบบเล็กมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นประตูเข้าไปได้
เดินมาอีกฝั่งของป้อม ก็จะเจอจุดที่สามารถมองเห็น Town Hall และท่าเรือได้ ฝั่งนี้มีทางเดินลงด้วยสามารถเดินถึงกันได้หมด เด็กที่นี่กำลังเล่นกองหิมะกันอย่างสนุกสนาน ทีเดียว
เดี๋ยวเดินต่อไปที่ท่าเรือกันครับ
ท่าเรือเอเคอร์บรูค Aker Brygge
ข้อมูล : เป็นท่าเรือที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของ oslo มีทั้งร้านอาหาร Aker Brygge เป็นย่านการค้า มีร้านค้าและพื้นที่กลางแจ้ง ถูกใช้เป็นทั้งสถานที่จัดคอนเสิร์ต นิทรรศการรูปถ่าย และงานอีเว้นท์ต่างๆ คับคั่งไปด้วยผู้คนตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน
บริเวณ Aker Brygge เป็นที่ตั้งของท่าเรือมากว่าร้อยปีแล้ว ได้รับการรีโนเวทใหม่ โดยตัวอาคารของที่นี่มีลักษณะโดดเด่น โดยเป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมสมัยเก่าและสมัยใหม่
เวลาเปิด-ปิด : จันทร์-ศุกร์: 10.00 น. – 20.00 น. • เสาร์: 10.00 น. – 18.00 น. • ปิดวันอาทิตย์
การเดินทาง
- ทางรถไฟ ลงที่สถานี NSB National theatret
- ทางรถบัส ลงที่สถานี Dokkveien, Vestbanen, Dokkveien, Vika Atrium, Rådhuset
- ทางรถไฟไต้ดิน ลงที่สถานี National theatret
เว็บไซต์ https://www.akerbrygge.no/english/ ; https://www.visitnorway.com
Town Hall
จากที่เมื่อวานเรามาที่นี่แล้ว แต่ยังไม่ได้เข้าด้านใน เดี๋ยววันนี้จะพาไปดูด้านในกันครับ ที่นี่เข้าชมฟรีเลย
- เวลาที่เปิดให้เข้าชม
2 พ.ค. – 30 มิ.ย. 2017: วันจันทร์-วันอาทิตย์ เวลา 09:00 – 16:00 น.
1 ก.ค. – 31 ส.ค. 2017: วันจันทร์-วันอาทิตย์ เวลา 09:00 – 18:00 น.
ที่นี่อย่างที่บอกว่าเป็น สถานที่มอบรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ด้านในก็จะเป็นห้องโถงใหญ่ๆ และมีบันใดขั้นไปชั้นที่ 2 ซึ่งด้านบนก็จะมีห้องเล็กๆ อีกหลายห้อง
แล้วก็มาเจอว่า ตรงถนนด้านหน้า สามารถเดินไปที่ถนนเส้นหลัก Karl Johans Gate ได้เลย อยู่ใกล้กันมาก สรุปคือมาออสโล แทบไม่ต้องเสียเงินค่าเดินทางครับ สามารถเดินเที่ยวได้เลย ที่เที่ยวเชื่อมถึงกันหมด เดินได้เรื่อยๆ ไม่ไกลกันครับ
ลานสเก็ตวันนี้คนเยอะเลย เก็บได้เช่าอุปกรณ์เล่นบ้างแล้วนะครับ 555 พึ่งจะมานึกได้ว่าอยากเล่นก็วันสุดท้าย ไม่ทันละ
กลับมาถึง Oslo Central Station ก่อนที่จะเดินทางไปสนามบิน ต้องหาอะไรกินให้เรียบร้อยก่อน และอาหารหลักของเราตอนอยู่ออสโลคือ Berger King ครับ 555 ฝากท้องไว้หลายมื้อเลย
บรรยากาศ ภายใน Oslo Central Station
เดินทางมาที่สนามบิน เตรียมบินต่อไปไอซ์แลนด์
จบรีวิว พาเที่ยว Oslo , Norway
รีวิวที่เกี่ยวข้อง 1.W I N T E R – I N – I C E L A N D : 9 วัน 4 หมื่น ออกไปตามฝันล่าแสงเหนือที่ไอซ์แลนด์
2.REVIEW : พาตะลุยเที่ยวเมืองมรดกโลก BERGEN เมืองสงบ น่าเที่ยว (NORWAY)
กด Like ติดตาม Fanpage M Journey – เอ็ม พาบิน : คลิกที่นี่
ขอเชิญ ผู้ที่สนใจเรื่องข้อมูลการเที่ยวยุโรปด้วยตัวเอง
เข้ากลุ่ม “ยุโรปไม่ไกลเกินฝัน เที่ยวด้วยตัวเองได้ง่ายๆ”
เพื่อ พูด คุย แลกเปลี่ยนข้อมูล การท่องเที่ยวยุโรปด้วยตัวเองครับ
>>คลิกที่นี่<< หรือ สะแกน QR Code ด้านล่างได้เลย