Review : พาตะลุยเที่ยวเมืองมรดกโลก Bergen เมืองสงบ น่าเที่ยว (Norway)
สวัสดีครับ รีวิวนี้จะพาไปเที่ยวเมืองมรดกโลกในประเทศนอร์เวย์ ซึ่งก็คือเมือง Bergen เมืองใหญ่อันดับสองรองจากเมืองหลวงออสโล
ความเดิมตอนที่แล้วก็คือ ทริปนี้เป็นทริปล่าแสงเหนือที่ไอซ์แลนด์ เราบินไปกลับไทยจากออสโล ด้วยการบินไทย ก็เลยมาแวะเที่ยวที่นอร์เวย์กัน 5 วัน โดยเที่ยวที่ออสโล 3 วัน 2 คืน และที่เมือง แบร์เก้น 2 วัน 2 คืน
โดยสามารถดูรีวิวก่อนหน้าได้ตามลิงค์นี้เลย
REVIEW : พาตะลุยหิมะ ที่ออสโล ประเทศนอร์เวย์ กับทริปสั้นๆ 3 วัน 2 คืน ก่อนออกไปล่าแสงเหนือ
และรีวิวนี้ก็จะเป็นรีวิวช่วงท้ายของทริป หลังจากเราบินจากไอซ์แลนด์ กลับมาที่ออสโล เราก็เลยนั่งรถไฟมาเที่ยวอีกเมืองที่น่าเที่ยวของนอร์เวย์ ซึ่งเมืองนี้เป็นเมืองที่ได้รับการขั้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย
เมือง Bergen
Bergen เป็นเมืองที่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาถึง 7 ลูก ธรรมชาติของที่นี่จะทำให้ทุกคนที่ได้มาสัมผัสไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน นักท่องเที่ยว สามารถเที่ยวชมเมือง Bergen ได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การเดิน รถโดยสาร หรือ Segway รถไฟสายประวัติศาสตร์ Bergens-Expressen วิ่งผ่านพื้นที่สำคัญต่างๆ ของเมือง ไม่ว่าจะเป็น บ้านไม้เก่าสีสด, ท่าเรือเก่า Bryggen, ตลาดปลา และ Fjellveien หรือจะนั่งรสบัส Hop on, hop off ชมเมืองก็ได้
นอกจากนี้ สามารถเที่ยวชมเมืองโดย Segway หรือจะเป็นชมวิวจากมุมใหม่ๆ โดย seaplane ก็น่าสนใจไม่น้อย สามารถจองออนไลน์ หรือซื้อตั๋วได้ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
การเดินทางจากเมือง Oslo ไป Bergen
มี 2 วิธีหลักๆ คือ
1.รถไฟ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6-7 ชั่วโมง
Link : https://www.nsb.no/en/frontpage
***จองก่อนเดินทางประมาณ 2-3 เดือน จะได้ราคาที่ถูกมาก
2.เครื่องบิน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที มีทั้งสายการบิน Norwigian และ SAS
ซึ่งถ้าการเดินทางเส้นทางนี้จะเป็นเส้นทางทัวร์ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากนั่นก็คือ Norway in a nutshell® tour from Oslo จะเป็นในลักษณะ ซื้อแพ็คเกจการเดินทางจากบริษัททัวร์ ซึ่งก็จะมีเส้นทางให้เลือก โดยอาจจะซื้อแค่แพ็คเกจตั๋วรถไฟ หรือจะรวมที่พักด้วยก็ได้ เข้าไปดูรายละเอียดในเว็บนะครับ https://www.norwaynutshell.com/
ไปเริ่มการเดินทางกันเลย
หลังจากที่เดินทางมาถึงที่ออสโล เราก็นั่งรถไฟจากสนามบินมาที่ Oslo Central Station เพื่อรอนั่งรถไฟรอบดึก จาก Oslo – Bergen ( Departure at 23:25 , Arrival at 06:49) ตั้งใจนั่งรถไฟรอบดึกเลย เพราะจะได้ประหยัดค่าที่พัก 1 คืน ตั๋วรถไฟนี้เราจองล่วงหน้าจากเว็บ https://www.nsb.no แล้วจะได้ตั๋วส่งเข้าอีเมล์ จากนั้นเราก็ปรินส์ และถือมาด้วยวันเดินทาง หรือจะเปิดผ่านมือถือให้ดูเลย ก็ได้เช่นกัน
***ตั๋วรถไฟจองล่วงหน้าก่อนเดินทาง 2-3 เดือนจะได้ราคาที่ค่อนข้างถูกเลย และอย่าลืมเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินดูด้วย บางทีตั๋วเครื่องบินอาจจะจัดโปร ราคาอาจจะถูกกว่ารถไฟครับ
บนตั๋วก็จะระบุที่นั่งและตู้ของรถไฟไว้เรียบร้อย ตอนจองสามารถเลือกที่นั่งได้ด้วยนะครับ พอถึงเวลาก็เดินมาขึ้นรถไฟได้เลย โดยทุกที่นั่งก็จะมีชุดเครื่องนอนที่ประกอบด้วย ผ้าห่ม ที่ปิดตา ปิดหู ไว้ให้ มีที่เสียบปลั๊กไฟ และถ้าจำไม่ผิดมีวายฟายให้ใช้ด้วย แต่เหมือนจะมีปัญหาในการเชื่อมต่อ เราก็เลยใช้เน็ตที่เราเตรียมไปเอง สำหรับใครที่หิวบนรถไฟก็จะมีตู้จำหน่ายอาหารด้วย ห้องน้ำอะไรก็กว้างและสะอาดดี
รอบนี้ที่พวกผมนั่งมา คนน้อยมากครับ อาจจะเพราะเป็นวันธรรมดาด้วย ระหว่างทางก็หลับๆ ตื่นๆ แต่ก็ถือว่าหลับได้เยอะพอสมควร ด้วยความที่เป็นรอบดึก ระหว่างทางเลยมองไม่ค่อยเห็นวิวเท่าไร แต่ก็รู้ว่าผ่านภูเขาพอสมควร เส้นทางรถไฟเส้นนี้ขึ้นชื่อว่าสวยติดลำดับโลกกันเลย เสียดายที่ไม่ได้มารอบกลางวัน ไม่เป็นไรครั้งหน้ามาใหม่
และเราก็มาถึงสถานีรถไฟ Bergen กันในช่วงเช้ามืดกำลังจะสว่างพอดี เป็นเช้าที่หนาวมากกก อุส่าห์จะเข้าไปหลบหนาวในอาคารสถานี แต่ไม่ได้ช่วยเลย เพราะไม่ใช่อาคารปิด เช้านี้พวกผมพากันล้างหน้าแปลงฟัน ในห้องน้ำที่สถานีก่อน(เสียตังค์นะครับ ต้องใช้บัตรเครดิตเสียบเท่านั้น) จากนั้นก็เอากระเป๋าฝากไว้ที่ล๊อคเกอร์ที่สถานีก่อน(ค่าล๊อคเกอร์ 60 nok ราคาแล้วแต่ขนาด) เพราะที่พักยังเช็คอินไม่ได้ เดี๋ยวเราจะไปเดินเที่ยวกันก่อน
และที่แรกของเราขอมุงตรงมาที่สถานที่ไฮไลน์ของเมือง Bergen กันก่อน ยังเช้ามากๆ อยู่เลยนะครับตอนนี้ประมาณ 7 โมงเช้า พากันเดินมาจากสถานีรถไฟเลย ไม่ไกลครับ
Bryggen
ข้อมูล : ท่าเรือเก่า Bryggen เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเมือง Bergen และของประเทศนอร์เวย์ Bryggen ถูกสร้างขึ้นหลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปี 1702 และปัจจุบัน Bryggen และเมือง Bergen ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์กร UNESCO ตึกแรกๆ ของเมือง Bergen ก็ตั้งอยู่ในย่าน Bryggen นี่เอง เรียกได้ว่าย่านนี้ยังคงมีสีสันและเป็นย่านสำคัญของเมืองมาเป็นเวลากว่าหลายศตวรรษแล้ว
บริเวณ Bryggen เกิดเหตุไฟไหม้อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งครั้งใหญ่ที่สุดเกิดในปี 1702 สร้างความเสียหายต่อเมืองเป็นบริเวณกว้าง บางส่วนที่เหลือรอดมาได้ ก็ได้รับการฟื้นฟูกลับมาในสภาพที่เกือบจะใกล้เคียงกับสมัยก่อน เหมือนว่าเมืองนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปแม้จะผ่านเวลามากว่าศตวรรษแล้วก็ตาม
ถึงแม้จะเป็นเมืองมรดกโลก แต่ Bryggen ก็เป็นย่านที่คึกคักและมีชีวิตชีวามากกว่าพื้นที่ใกล้เคียง มีสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่า 20 จุด ตั้งแต่ตลาดปลา ไปจนถึงป้อม Bergenhus มีร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านค้ามากมายตั้งอยู่เรียงราย มีขายทั้งงานทำมือเก๋ๆ และสินค้าพื้นเมือง
จากนั้นเดินเล่น เลียบท่าเรือมาเรื่อยๆ ชมบรรยากาศเมือง
ป้อมปราการ Bergenhus
ข้อมูล : ป้อม Bergenhus เป็นหนึ่งในป้อมที่เก่าแก่ที่สุดในนอร์เวย์และยังได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี Håkon’s Hall และ Rosenkrantz Tower ตั้งอยู่ในป้อมนี้ด้วย พิพิธภัณฑ์อื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น Theta Musesum และ St. Mary’s Church Bergenhus Fortress ป้อม Bergunhus , The Hakon’s hall มีอายุกว่า 750 ปี ถูกสร้างขึ้นในสมัยของกษัตริย์ Hakon Hakonson เพื่อใช้เป็นที่พำนักของราชวงศ์และโถงสำหรับจัดเลี้ยง
The Rosenkrantz Tower หอคอยนี้เป็นอนุสรณ์สถานยุคเรเนสซองค์ที่สำคัญที่สุดของนอร์เวย์ มีคุกใต้ดินและจากนั้นสามารถขึ้นไปชมวิวที่ดาดฟ้าด้านบนได้ด้วย
เวลาเปิด-ปิด
15 พ.ค. – 15 ก.ย. : Hakom’s hall เปิดทุกวัน เวลา 10:00-16:00 น. / หอคอย Rosenkrantz เปิดทุกวัน เวลา 09:00-16:00 น.
16 ก.ย. – 14 พ.ค. : Hakom’s hall เปิดทุกวัน เวลา 12:00-15:00 น. / หอคอย Rosenkrantz เปิดวันอาทิตย์ เวลา 12:00-15:00 น.
ค่าตั๋ว : ผู้ใหญ่ NOK 80 , นักเรียน NOK 4 , เด็กเข้าชมฟรี
***ค่าไกด์ NOK 20
ป้อม Bergenhus เราไม่ได้เข้าข้างใน เดินเฉพาะอยู่รอบนอกครับ เพราะตอนที่ไปยังเช้ามาก จากนั้นก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ
เดินกันไปเรื่อยๆ จนไปได้ที่พัก และหากินมือเช้าใน ร้าน 7-11 นั่งรอให้ Information Center เปิดครับ เพราะเดี๋ยวเราจะไปซื้อ Bergen card
ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว Bergen (Information Center)
ข้อมูล : นักท่องเที่ยวสามารถจองที่พัก จองทัวร์ ตั๋วคอนเสิร์ต ตั๋วโดยสาร หรือซื้อบัตร Bergen card และยังสามารถแลกเงินได้จากที่นี่เลย เมือง Bergen แวดล้อมไปด้วยภูเขา และเป็นเหมือนประตูสู่ Norwegian fjords แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของนอร์เวย์ มีทัวร์หลากหลายโปรแกรมจัดไว้สำหรับนักท่องเที่ยว สามารถซื้อตั๋วได้ที่ ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว หรือเว็บไซต์ visitBergen.com
เวลาเปิดทำการ : มิ.ย.-ส.ค. : เปิดทุกวัน 8:30 – 22:00 , พ.ค. และ ก.ย. : เปิดทุกวัน 9:00 – 20:00 ,
ต.ค.-เม.ย. : เปิดวันจันทร์-วันเสาร์ 9:00 – 16:00 , ** ปิด วันที่ 24-26,31 ธ.ค. และ 1 ม.ค.
ที่ตั้ง
ตั้งอยู่ในบริเวณตลาดปลา Torget
https://en.visitbergen.com/visitor-information/bergen-tourist-information
อาคาร Information Center นี้ ด้านล่างจะเป็นตลาดปลานะครับ ส่วนชั้น 2 ถึงจะเป็น Information Center มารับแผนที่หรือสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นกับการท่องเที่ยวได้ที่นี่ครับ จนท ให้ความช่วยเหลือ และแนะนำดีมาก
Bergen Card
ข้อมูล : ตัวช่วยที่จะทำให้เที่ยว Bergen ได้อย่างคุ้มค่าและประหยัด คือ Bergen card
- สามารถนั่งรถไฟรางเบา หรือ light rail และรถบัสในเมืองได้ฟรี รวมถึงใช้เป็นส่วนลดต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว, ร้านอาหาร, ทัวร์ หรือที่จอดรถ
- บัตรใช้ได้ในพื้นที่เมือง Bergen สามารถเลือกชนิดของการ์ดได้ตามระยะเวลาการใช้งาน มีทั้ง บัตร 24 ชั่วโมง, 48 ชั่วโมง และ 72 ชั่วโมง
- สามารถซื้อ Bergen card ได้ทั้งทางออนไลน์ ได้ที่ en.visitbergen.com/bergen-card (เลือกรับที่สนามบิน Bergen Airport Flesland หรือทางไปรษณีย์) ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวหรือโรงแรม (ดูรายละเอียดสถานที่เพิ่มเติมในเว็บ)
**เวลาทำการของศูนย์บริการนักท่องเที่ยว Bergen Airport Flesland
วันจันทร์-ศุกร์ : 08.00 – 22.00 น. / วันเสาร์ 09.00 -18.00 น. / วันอาทิตย์ 13.00 – 22.00 น.
ค่าบัตร
**ผู้สูงอายุ ที่อายุมากกว่า 67 ปี จะต้องแสดงหลักฐานบัตรประชาชนด้วย
จัดไปครับ Bergen card 48 ชั่วโมง เพราะเราจะอยู่ที่นี่กัน 2 วันเต็มๆ น่าจะใช้คุ้ม
Mt. Floyen
เดี๋ยวเราจะขึ้น รถราง Fløibanen funicular ขึ้นไปบนเขา Mt. Floyen เพื่อชมวิวเมือง Bergen
การเดินทางมาที่สถานีรถราง
ถ้าเริ่มจาก Information Center ให้มองมาทางซ้าย แล้วก็เดินตรงมาเริ่อยๆ ตามถนนในรูปแรก ประมาณ 200 เมตร ก็จะเจอสถานีรถราง Fløibanen
ราคาตั๋ว ผู้ใหญ่ เที่ยวเดียว 45 Nok , ไปกลับ 90 Nok , เด็ก เที่ยวเดียว 23 Nok , ไปกลับ 45 Nok
***แต่เดียวก่อน ถ้ามี Bergen card สามารถใช้ไปกลับได้ฟรี 1 ครั้ง
รายละเอียดเพิ่มเติม >>คลิก<<
รถรางก็จะเป็นกระจกใน สามารถมองเห็นวิวได้รอบทิศทาง สวยงามครับ
จุดชมวิวเมือง Bergen เหมาะแก่การถ่ายรูปเป็นอย่างมาก แต่เสียดาย พวกผมขึ้นมาได้แป๊ปเดียว หิมะก็เริ่มจะตก อากาศไม่ค่อยแจ่มใสเท่าไร
ด้านบนมี ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก และด้านบนนี้ยังสามารถเดินเชื่อมไปจนถึง Mt. Ulriken ได้ ซึ่ง Mt. Ulriken เป็นยอดเขาอีกแห่งของเมืองที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว จากตรงนี้ก็จะมองเห็น ยอดเขา Mt. Ulriken ด้วยครับ ใครมีเวลาเที่ยวหลายวันแนะนำไปดูทั้ง 2 ที่เลยนะครับ
ตลาดปลา (Fish Market in Bergen)
ข้อมูล : ตลาดปลา Bergen เป็นหนึ่งในตลาดกลางแจ้งที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดของนอร์เวย์ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองติดท่าเรือ ตลาดแห่งนี้มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 แล้ว เป็นที่พบปะ ค้าขายระหว่างพ่อค้าและชาวประมง
สินค้าที่ขายส่วนใหญ่จะเป็นอาหารสด ได้แก่ อาหารทะเล ผักและผลไม้ ในช่วงหน้าหนาว ร้านค้าส่วนใหญ่จะอยู่ในอาคาร Mathallen ส่วนร้านที่อยู่กลางแจ้งจะเปิดวันเสาร์ จาก 09.00 – 15.00 น.
สถานที่ตั้ง : อยู่ด้านล่างของ Information Center เลย หาง่าย
เวลาเปิด : 9.00 – 21.00 น.
รายละเอียดเพิ่มเติม : >>คลิก<<
ตลาดปลาของเมือง มีอาหารทะเลขายหลากหลาย ราคาก็เอาเรื่องอยู่ครับ มีร้านอาหารภายในนี้ด้วย นอกจากจะสามารถซื้อของสดกลับบ้านแล้วยังสามารถสั่งทานที่นี่ด้วยเช่นกันครับ
มานอร์เวย์สิ่งที่ปลาแซลมอน เพราะที่นี่ถือเป็นแหล่งเลี้ยงปลาแซลมอนชั้นดีของโลกเลย มาตลาดปลาทั้งทีก็ต้องชิมซะหน่อย ถือว่ามานั่งหลบหนาวด้วย (ราคาจานซ้ายประมาณ 1300 บาท)
Bergen Science Centre VilVite ( ศูนย์วิทยาศาสตร์ VilVite)
ข้อมูล : ศูนย์วิทยาศาสตร์ มีนิทรรศการจัดแสดงอยู่กว่า 100 งาน และในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์หรือช่วงปิดเทอม ยังมีหนัง 3 มิติและการแสดงทางวิทยาศาสตร์ให้ชมอีกด้วย ด้านในมีสื่อ interactive ที่หลากหลายกว่า 75 ชิ้น สามารถปั่นจักรยานแบบ 360 องศา มีแบบจำลองการขุดเจาะน้ำมัน ทดลองอ่านข่าวพยากรณ์อากาศ และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย โดยหลักๆ จะเน้นในเรื่องของสภาพอากาศ พลังงานและมหาสมุทร
เวลาเปิด-ปิด : วันอังคาร-วันศุกร์ เวลา 09:00- 15:00 น. / วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10:00 – 17:00 น.
ค่าเข้า : Bergen Card : 24 มิ.ย. – 13 ส.ค. = ลด 50% , 14 ส.ค.–23 มิ.ย. = เข้าฟรี
รายละเอียดเพิ่มเติม >>คลิกที่นี่<<
เรามาที่นี่หิมะก็ตก ต้อนรับเลย เดินเข้าไปกันเลยมาช่วงโลว์ซีซั่นนี่ก็ดีครับ เพราะ Bergen Card เข้าฟรี 555 ที่นี่เป็นศูนย์วิทยาศาสตร์ที่ใหญ่และพร้อมมาก มีอุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นแหล่งเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ สำหรับคนหลายช่วงอายุ ครับ ไม่ใช่เหมาะกับนักเรียน หรือเด็กๆ อย่างเดียว จากที่มาดูคิดว่าเหมาะกับทุกวัย บางอย่างเป็นเกม เล่นสนุก แต่ก็แฝงด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ มันเยี่ยมมากครับที่นี่ ผมอยากให้มามีที่เมืองไทยเยอะๆ
Marken Guesthouse
สำหรับที่พักในทริปนี้ เลือกเป็น Guesthouse ใกล้สถานีรถไฟหลัก เดินมาได้เลยครับ ใกล้ๆ พักเป็นห้องส่วนตัว ห้องนอนรวมก็มีนะครับ ราคาก็จะถูกลง แต่ที่นี่ห้องน้ำ และห้องอาบน้ำจะเป็นห้องรวม มีห้องครัว ห้องนั่งเล่น มีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญด้วย เป็นที่ๆ เหมาะมากสำหรับนักเดินทางครับ สิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างครบ และห้องดูสวย น่าพัก คะแนนรีวิวและความเห็นในเว็บ Booking.com ก็ดี ก็เลยเลือกที่นี่ และหลังจากเข้าพักแล้วก็เป็นอีกที่หนึงที่แนะนำ
ราคา จองเป็นห้องส่วนตัว 1,278 NOK / คืน
หลังจากเข้าที่พักแล้วเราก็เดินไปหาร้านขายของสด ซื้อผักซื้อหมูมาไว้ต้มใส่มาม่า ซึ่งก็พบว่าใกล้ๆ ที่พัก มีร้านขายของสด 2 ร้านอยู่ใกล้ๆ เลย สะดวกมาก ทำกับข้าวกินเสร็จ เราก็หลับยาวเลย เพื่อเมื่อคืนเรานั่งรถไฟมาจากออสโลนอนไม่ค่อยหลับกันเท่าไร วันนี้ก็เลยขอพักเอาแรงซะหน่อย
วันที่ 2
วันนี้ช่วงดึก เราต้องนั่งรถไฟรอบดึกกลับไปที่ออสโลครับ ดังนั้นวันนี้เรามีเวลาเที่ยวที่ Bergen กันอีกทั้งวัน
เช้าวันนี้เราก็เลยออกจากที่พักกันสายๆ เลย พยากรณ์อากาศบอกฝนจะตกอีก หนาวแน่ๆ วันนี้ เช็คเอาท์ โรงแรมแล้วก็เอากระเป๋าไปฝากไว้ที่ล๊อคเกอร์ จากนั้นก็ได้เวลาเดินเที่ยว และเนื่องจากวันนี้ฝนตก แผนวันนี้ก็เลยต้องเที่ยวในร่ม เราก็เลยเลือกที่จะเที่ยวพิพิธภัณฑ์ เพราะเรามี Bergen Card เข้าพิพิธภัณฑ์ เกือบทุกที่ฟรีเลยครับช่วงนี้
เดินเที่ยวมาเรื่อยๆ จนมาเจอ สวนสาธารณะ ทะเลสาบ Lungegardsvann ซึ่งบริเวณโดยรอบ เป็นแหล่งรวมผลงานศิลปะ ระหว่างเดินมาฝนก็เริ่มปรอยๆ มาแล้ว ก็หาที่หลบฝนไปเรื่อย
Bergen’s art street
ข้อมูล : เป็นแหล่งรวมผลงานศิลปะของศิลปินชาวนอร์เวย์และนานาชาติ มีตั้งแต่ศิลปะยุคคลาสสิคจนถึงศิลปะร่วมสมัย (contemporary) มีแกลอรีตั้งเรียงรายบริเวณใกล้ทะเลสาบ Lungegardsvann ซึ่งอยู่ใจกลางเมือง งานศิลปะส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นของ Munch, Tidemand and Gude, Picasso, Miró, Astrup, ศิลปะร่วมสมัย หรือศิลปะสำหรับเด็ก มีจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะ KODE
- นอกจากนี้ ในบริเวณนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยอย่าง Bergen Kunsthall (Bergen Contemporary Art Centre) และอีกหลายๆแกลอรี่
พิพิธภัณฑ์ในย่าน Bryggen
Bergen เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่สำคัญของนอร์เวย์ มีพิพิธภัณ์มากมายให้ได้เข้าชมและศึกษา มีทั้งโบสถ์ ป้อมปราการ อาคารเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ต่างได้รับการบูรณะ และเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม
ด้านล่างนี้คือ มหาวิทยาลัย Bergen และโบสถ์ Johanneskirken หรือ the red church
พากันเปิดดูในคู่มือของ Bergen Card ว่ามีที่ไหนน่าสนใจและเข้าฟรีบ้าง เดินมาเรื่อยๆ และที่แรกที่เราจะแวะชมคือ
Bergen Maritime Museum
ข้อมูล : พิพิธภัณฑ์ทางทะเลเมือง Bergen เป็นที่รวบรวมประวัติของการเดินเรือ การพัฒนาตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน และความสำคัญที่มีต่อเมือง bergen และประเทศนอร์เวย์ นอกจากนี้ยังมีโมเดลเรือต่างๆ (รวมถึงเรือไวกิ้ง) ภาพวาด การสืบค้นทางโบราณคดีใต้น้ำ สิ่งของและการใช้ชีวิตบนเรือของชาวประมงจัดแสดงไว้ด้วย
ภายในยังมีห้องสมุด ร้านขายของชำ และร้านคาเฟ่เล็กๆ ไว้ให้นั่งผ่อนคลาย
ที่ตั้ง :อยู่ติดกับมหาวิทยาลัย Bergen ซึ่งห่างจากโบสถ์ Johanneskirken หรือ the red church ประมาณ 150 เมตร
การเดินทาง : รถบัส ลงที่สถานี Møhlenpris (แต่พวกผมเดินมาครับ เดินเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ถึง)
ค่าตั๋ว : ผู้ใหญ่ 80 NOK / เด็กนักเรียน 40 NOK/ บัตร Bergen Card เข้าฟรี
รายละเอียดเพิ่มเติม >>>คลิกที่นี่ <<
ที่นี่มีสองชั้น ชั้นแรกจะแสดงเรือสมัยเก่า ส่วนชั้น 2 จะแสดงเป็นเรือสมัยใหม่ มีที่ให้แขวนเสื้อ ล๊อคเกอร์เก็บของฟรี ให้เราเดินตัวปลิวเข้าชม พิพิธภัณฑ์ ได้แบบสบายๆ เลยครับ
KODE (Art Museum of Bergen)
KODE (Art Museum of Bergen) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนอร์ดิก ตั้งอยู่ใจกลางเมือง Bergen มีอยู่ 4 อาคาร จัดแสดงผลงานชิ้นสำคัญของจิตกรเอกหลายคน ไม่ว่าจะเป็น Edvard Munch, Nikolai Astrup, Pablo Picasso และ J.C. Dahl. ที่พิเศษคือ Kunstlab หรือพิพิธภัณฑ์สำหรับเด็ก มี workshop และจัดแสดงผลงานต่างๆ สำหรับเด็ก
ค่าตั๋ว (ใบเดียวเข้าได้ทั้ง 4 ตึก) : ผู้ใหญ่ NOK 100 / เด็ก เข้าชมฟรี / บัตร Bergen Card เข้าฟรี
รายละเอียดเพิ่มเติม >>>คลิกที่นี่ <<
เดินกลับมาบริเวณ ทะเลสาบ Lungegardsvann เดี๋ยวเราจะเข้าไปชม พิธภัณฑ์ Kode กัน ที่นี่จะมี 4 ตึก เวลาเราเข้าตึกแรก จนทจะติดสติ๊กเกอร์ให้ แล้วพอไปตึกอื่นก็เดินเข้าได้เลย ไม่ตรวจบัตรอีก
ปกติผมไม่ค่อยได้งานศิลปะ อะไรแบบนี้ซักเท่าไร แต่พอได้มาที่นี่แล้วรู้สึกว่าเดินดูได้แบบเพลินมากบางรูปนั้นไม่ใช่แค่วาดสวยๆ แต่มีการถ่ายทอดเรื่องราวภายในภาพด้วย เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดีมากแห่งหนึง
เดินเที่ยวใน พิพิธภัณฑ์ ชมงานศิลปะ จนถึงเวลาปิดเลย ประมาณ 17.00 น. จากนั้นก็ออกมาด้านนอก
เดินออกมาเจอรูปเมืองมุมนี้ รู้สึกว่าสวยมากๆ
จากนั้นเดินไปห้าง Bergen Storesenter กันต่อ ใกล้ๆ บริเวณนี้เลยครับ อยู่ติดกับสถานีรถไฟกลางด้วย มาพากันแวะหามื้อเย็นทานในนี้ และเดินเล่นหลบหนาวกันประมาณชั่วโมงนิดๆ เลยครับ เพราะรอให้ฟ้ามืดก่อนเดี๋ยวจะได้ออกไปถ่ายรูปตอนกลางคืน
ใกล้มืดแล้วได้เวลาออกไปถ่ายรูปบริเวณ ท่าเรือเก่า Bryggen
ระหว่างทางบรรยากาศช่วงเย็นฝนหยุดตกแล้ว เดินเล่นรอบๆ ทะเลสาบ Lungegardsvann สวยสุดๆ คนแถวนี้ก็เยอะครับช่วงเย็น
จัตุรัส Torgallmenningen
ข้อมูล : Torgallmenningen ถูกสร้างขึ้นหลังจากไฟไหม้ในปี 1582 และได้รับการฟื้นฟูในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 ชื่อจตุรัส Torgallmenningen ถูกตั้งขึ้นภายหลังจากอัคคีภัยครั้งใหญ่ ในปี 1702 เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เมือง Bergen เสียหายไปกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งภายหลังได้มีการฟื้นฟูและจัดระเบียบเมืองใหม่ อาคารต่างๆ บริเวณรอบจัตุรัสก็ได้รับการบูรณะและออกแบบโดย Finn Berner สถาปนิกชาวนอร์เวย์
ปัจจุบันจัตุรัส Torgallmenningen เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของ Bergen ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ทอดตัวยาวระหว่างถนน Strandgaten และ Ole Bulls plass
นอกจากนี้ ที่นี่ยังถูกใช้เป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตและงานอีเว้นท์ต่างๆ เช่น Bergen Game Festival
ถัดจาก Torgallmenningen คือถนน Ole Bulls plass ซึ่งเป็นที่ตั้งของน้ำพุ Ole Bulls และ Blue Stone และถัดไปอีกคือตลาดปลา (Fish Market) ยอดนิยม หรือรู้จักกันในชื่อ ‘Torget’ นั่นเอง
รายละเอียดเพิ่มเติม >>>คลิกที่นี่ <<
เดินมาเจอ จัตุรัส Torgallmenningen โดยบังเอิญครับ คนคึกคักมากครับ แถวนี้ มีร้านค้า ร้านแบรนเนม และห้าง มากมายแถวนี้
เดินกลับมาถ่ายรูปแถวท่าเรือเก่า Bryggen มารอเก็บภาพช่วงกลางคืน หลังจากที่เมื่อวานไม่ได้มา วันนี้ต้องมาเก็บรูปให้ได้ ดีนะ อากาศช่วงกลางคืนนี้ดี หิมะไม่ตก
รูปด้านบนจะเห็นว่าแสงไฟที่เรียงๆ กันขึ้นไปบนเขาก็คือทางของรถราง Fløibanen funicular ขึ้นไปบนเขา Mt. Floyen
มุมนี้ เดินมาถ่ายรูปฝั่งท่าเรือ
ถ่ายรูปจนพอใจ พากันเดินกลับมาที่ Bergen Storesenter มาหาซื้อของฝากกลับไทย เห็นว่ามีปลากระป๋องและช็อคโกแลต แบบในรูปด้านล่างที่ฮิตๆ กัน ก็เลยจัดกลับไปซะหน่อย(ไปเจอช็อคโกแลตแบบเดียวกันที่สนามบินขายถูกกว่าครับ 555)
ซื้อของเสร็จก็กลับมาที่สถานีรถไฟ Bergen มาเอากระเป๋าที่ฝากไว้แล้วจัดการแพ็คกระเป๋าใหม่อีกรอบ ขอพื้นที่เก็บของฝากหน่อย ฮ่าๆ ด้านล่างให้ดูรูปห้องน้ำครับ จะมีเครื่องเสียบบัตรเครดิตอยู่ด้านหน้า จ่ายเงินก่อนประตูถึงเปิด ใครไม่มีบัตรเครดิตนี่งานเข้าเลยนะครับ เพราะรับเฉพาะบัตรครับ
คืนนี้ 09. Mar 2017 เราต้องเดินทางจาก Bergen – Oslo S , 22:59 – 06:25 นั่งรถไฟรอบดึกถึงเช้าเหมือนเดิมครับ เพื่อประหยัดค่าโรงแรมไปได้อีก 1 คืน รายละเอียดของรถไฟเหมือนกันกับขามานะครับ ตามที่รีวิวไว้ช่วงแรก หลับยาวๆ ไปจนถึงออสโลเลยครับ
และแล้วก็มาถึงสถานีรถไฟกลางออสโลในช่วงเช้า วันนี้ดูอากาศจะอุ่นๆ ขึ้นแล้ว(แต่อุณหภูมิยังเลขตัวเดียวอยู่นะครับ) มาถึงก็จัดการธุรส่วนตัว หาข้าวเช้ากิน และก่อนที่จะนั่งรถไฟไปสนามบิน เพื่อกลับไทยในบ่ายวันนี้ ผมก็เดินกลับไปเก็บบรรยากาศบริเวณรอบๆ อีกครั้งก็พบว่าเมืองที่เต็มไปด้วยหิมะ เมื่อ 10 วันก่อน ขาวโพลนไปทั้งเมืองตอนที่พวกผมมาถึง มาวันนี้หิมะ ไม่มีแล้ว ก็รู้สึกว่านี่แหละ ได้เห็นเมืองจริงๆ ว่าเป็นยังไง
ได้เวลานั่งรถไฟไปสนามบินนั่งรถรอบประมาณ 9 โมงกว่าๆ จริงๆ ออกจากนี่ตอน 11 โมงก็ทัน เพราะไฟล์ท 13.30 น. แต่เราไม่รู้จะทำอะไรแล้วเลยไปรอสนามบินเลยดีกว่า
ใช้เวลาประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงสนามบิน จากนั้นก็ตรงไปที่ฝั่งขาออกระหว่างประเทศกันเลย มาถึงก็มารอเคาน์เตอร์เปิดกันอยู่ซักพัก พอเคาน์เตอร์เปิดก็รีบเอากระเป๋าไปโหลดเลยครับ จะได้รีบเข้าไปนอนรอข้างในกัน เราบินกับการบินไทยครับวันนี้ บินตรงจาก ออสโล – กรุงเทพ เลย ไม่ต้องเสียเวลาต่อเครื่อง
ก่อนมาสนามบินเราได้ทำ Internet Check-in มาแล้ว มาถึงเคาน์เตอร์ก็ไปโหลดกระเป๋าได้เลย ไม่ต้องต่อแถวเช็คอินใหม่ จะสะดวกมากเวลาที่คนเยอะๆ นะครับ ไม่ต้องไปต่อแถวยื่นรอเลย แต่วันนี้ตอนผมมาคนยังมาไม่เยอะครับ
ข้อมูลเที่ยวบิน จาก ออสโล – กรุงเทพ
- วันที่ : 10 มี.ค. 2017
- ออกเดินทาง: 13:30 ออสโล, นอร์เวย์ – การ์เดร์โมน
- เดินทางถึง: 06:20 กรุงเทพฯ, ไทย – นานาชาติสุวรรณภูมิ
- สายการบิน : Thai Airways International TG 955
- เครื่องบิน : Boeing 777-300
- ประเภทค่าโดยสาร : SUPER SAVER PLUS/ชั้นประหยัดราคาพิเศษ
ระหว่างที่นั่งรอที่หน้าเกท แทบจะทั้งหมดตรงนั้นคือฝรั่ง ผมกับเพื่อนนี่เป็นชนกลุ่มน้อยมากๆ มองไปมีคนไทยไม่กี่คน ไฟล์ทนี้คนเต็มลำเลยนะครับ ขึ้นเครื่องไปแทบจะไม่ค่อยกล้ายกกล้องมาถ่ายเลย คนแน่นมาก โชคดีขากลับได้นั่งแถวหน้าเลย เดินลุกไปเข้าห้องน้ำสะดวกเลย เพราะไฟล์ทกลางคืนด้วย
ไฟล์ทบินยาวๆ ประมาณ 11 ชั่วโมง จะเสริฟอาหารมื้อหลัก 2 มื้อ คือตอนเครื่องขึ้นช่วงแรก และก่อนเครื่องลง เครื่องดื่มอะไร ระหว่างไฟล์ทก็ขอได้ตลอด ลูกเรือโซนที่ผมนั่งก็บริการดีมากๆครับ
ไฟล์ทบินกว่า 11 ชั่วโมง ผมสามารถดูหนังจบไป 3 เรื่อง ครับ 555 ไฟล์ทดึกแท้ๆ แต่ไม่ยอมหลับ ยอมนอน ดันเปิดไปเจอหนังมันส์ๆ ยาวเลยทีนี้ สำหรับอาหารที่เสริฟ ทั้ง 2 มื้อรถชาติอร่อยเลยครับ พยายามสั่งคนละเมนูกับเพื่อน จะได้ถ่ายรูปมาให้ดูว่าอาหารที่เสริฟบนเครื่องนั้นประมาณไหน
และแล้วก็บินมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิคร๊าบ แอบถ่ายรูปที่นั่งตอนคนลงแล้วมาให้ดู
จบทริปยาวๆ กว่า 16 วัน ที่ประเทศนอร์เวย์และไอซ์แลนด์
ช่างเป็นทริปที่ ยาว ไกล และได้เจอสิ่งแปลกตา ประสบการณฺ์ใหม่ๆ มากมาย
ยังไงฝากติดตามเพจ ด้วยนะครับ ต้องเดินทางอยู่เรื่อยๆ เดี๋ยวมารีวิวให้ชมครับ
กด Like ติดตาม Fanpage M Journey – เอ็ม พาบิน : คลิกที่นี่
ขอเชิญ ผู้ที่สนใจเรื่องข้อมูลการเที่ยวยุโรปด้วยตัวเอง
เข้ากลุ่ม “ยุโรปไม่ไกลเกินฝัน เที่ยวด้วยตัวเองได้ง่ายๆ”
เพื่อ พูด คุย แลกเปลี่ยนข้อมูล การท่องเที่ยวยุโรปด้วยตัวเองครับ
>>คลิกที่นี่<< หรือ สะแกน QR Code ด้านล่างได้เลย