รีวิวพาเที่ยวสิงคโปร์
มีมาให้ชมกันซักทีกับรีวิวเที่ยวสิงคโปร์ ของผม เอ็ม พาบิน นะครับ ไปรอบนี้ก็เป็นรอบที่ 6 แล้ว ไม่เคยได้ทำรีวิวไว้เลยสำหรับประเทศนี้
และรอบนี้ก็ถือว่าได้ไปเที่ยวและทำกิจกรรมใหม่ๆ ที่ไม่ซ้ำกับ 5 รอบที่ไปมาเลย เรียกได้ว่าสนุกสนานมากๆ เลยสำหรับทริปนี้
สิงคโปร์เหมือนเป็นเกาะเล็กๆ ก็จริง แต่มีอะไรให้ทำให้เล่นเยอะแยะมากมาย เดี๋ยวไปติดามดูกันดีกว่าว่า ทริปนี้ผมจะพาไปเที่ยวที่ไหนบ้าง
Day 1
เริ่มต้นการเดินทาง
ทริปนี้เราบินกับสายการบินแอร์เอเชีย ดังนั้นเราจะต้องไปเริ่มต้นที่สนามบินดอนเมือง อาคาร 1 เคาน์เตอร์เช็คอินจะอยู่บริเวณชั้น 3 เตรียมพาสปอร์ต บัตรเครดิตแอร์เอเชีย ธนาคารกรุงเทพ และคูปองโหลดกระเป๋า กับคูปอง Hot seat ให้เรียบร้อย จากนั้นเดินไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์ และโหลดกระเป๋าได้เลย เราบินไฟล์ท FD357 เวลา 10.55(DMK) – 14.30(SIN) จะใช้เวลาบินประมาณ 2.30 ชั่วโมง ครับ
สำหรับใครที่บินกับแอร์เอเชีย แนะนำให้ไปสมัครบัตรเครดิตร่วม แอร์เอเชีย+ธนาคารกรุงเทพ นะครับ
เพราะมีสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ทำให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มาก ไม่ว่าจะเป็น
- ใช้จ่าย 20 บาท ได้ 1 คะแนน Big point เอาไว้แลกตั๋วเคร่องบินได้
- ผ่อนได้ 0% 3 เดือน ด้วย เมื่อซื้อตั๋ว 5000 บาทขึ้นไป
- ได้บัตรกำนัลโหลดกระเป๋า 20 กิโล + บัตรกำนัล Hot Seat อย่างละ 4 ใบ ต่อปี ***อันนี้คือคุ้มมาก ยิ่งบินไฟล์ทต่างประเทศ ก็ประหยัดไปได้ 1-2 พันบาทเลยทีเดียว
- บริการเช็คอินก่อนใคร ที่ช่องเช็คอินพิเศษ เดินพรหมแดงไปเช็คอินได้เลย ไม่ต้องไปรอต่อแถวเช็คอินให้เสียเวลา
- บริการ รับกระเป๋าก่อนใคร ตอนโหลดกระเป๋าจะมีติดป้าย Xpress ที่กระเป๋าเราไว้ พอถึงสนามบินปลายทาง กระเป๋าเราก็จะออกมาก่อน รวดเร็วมาก
- บริการขึ้นเครื่องก่อนใคร ด้วย สำหรับแอร์เอเชียแล้วคนขึ้นเครื่องเร็วได้เปรียบนะ ไม่ต้องไปมัวแย่งช่องเก็บสัมภาระด้านบน ใครขึ้นเครื่องหลังๆ นี่แทบไม่มีที่วางของแล้ว
- ได้นั่งที่นั่ง Hot seat เบาะสีแดง พื้นที่จะกว้าง นั่งสบายกว่าเบาะปกติ อันนี้ใช้คูปองที่ได้มาฟรี แจ้ง จนท ตอนเช็คอินได้เลย
- และพออยู่บนเครื่องก็สามารถรับฟรี เครื่องดื่ม ร้อนหรือเย็นได้มูลค่า 60 บาท
และที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ใช้ได้เฉพาะขาไปที่ออกจากประเทศไทยนะครับ ส่วนขากลับจากต่างประเทศใช้ไม่ได้
อ้อ ยกเว้นการแสดงบัตรรับเครื่องดื่มบนเครื่อง ขากลับยังใช้สิทธิได้ครับ
ใครเดินทางด้วยแอร์เอเชียบ่อยๆ ทำบัตรเครดิตแอร์เอเชีย ธนาคารกรุงเทพไว้ได้เลยครับ รับรองว่าคุ้ม แนะนำมากๆ
รายละเอียดเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ลิงค์นี้ >>คลิก<<
หรือเข้าไป สมัครบัตร โดยตรงได้เลย ที่ลิงค์นี้ >>คลิก<<
ส่วนเมนูทานบนเครื่องวันนี้สั่งเป็น ปลาแซลมอนย่างพริกเกลือ เป็นเมนูที่แนะนำเลยครับ อร่อยมากๆ
ข้อดีอีกอย่างของการนั่งแถวช่วงหน้าๆ คืออาหารจะเสริฟก่อน
และแล้วก็บินมาถึง สนามบินชางงี สิงคโปร์ ที่อาคาร 1 (แต่ปัจจุบันย้ายไปอยู่ที่อาคาร 4 แล้วนะครับ) ตอนที่ผาน ตม. ก็ปกติดี ไม่ได้โดนถามอะไร เพราะมาหลายรอบแล้ว ลงเครื่องมาก็รับกระเป๋าและเดินทางเข้าเมืองกัน ครั้งนี้เดินทางมากับทางคณะ จึงออกจากสนามบินโดยรถบัส แต่สำหรับใครที่เดินทางมาเอง
การเดินทางจากสนามบินชางงี เข้าเมืองสิงคโปร์ก็ง่ายๆ ด้วยรถไฟฟ้า สะดวกสบายมากๆ
ระหว่างทางก็เห็น Garden by the bay อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของสิงคโปรอยู่ทางซ้ายมือ
:: ร้าน Song Fa บักกุ๊ดเต๋ (bak kut teh) ::
มาถึงที่แรก ตรงดิ่งกันมาทานมื้อเที่ยง เอาแรงกันก่อน มื้อนี้เราจะมาทานบักกุ๊ดเต๋ อีกหนึ่งเมนูอาหารขึ้นชื่อของสิงคโปรกัน ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่ ชื่อดังเลย
การเดินทาง
- มาได้ทั้งรถบัสและรถไฟฟ้า MTR เลย มาลงที่สนถานี Clarke Quay เลย ทางออกจากรถไฟฟ้าจะคือรูปบนซ้าย ส่วนสายรถบัสที่ผ่านคือรูปบนขวา ซึ่งป้านรถบัสก็จะอยู่หน้าร้านเลย หาง่ายมาก
ที่ร้านก็ไม่ได้มีแต่เมนูบักกุ๊ดเต๋ อย่างเดียว ยังมีเมนูอื่นๆ อีกเยอะมากน่ากินๆ ทั้งนั้น ใครจะมาแนะนำให้พยายามหลีกเลี่ยงช่วงเที่ยงนะครับ เพราะคนจะแน่นมาก
:: สะพานเฮนเดอร์สัน เวฟ (Henderson Waves) ::
เป็นสะพานทางเดินลอยฟ้าที่เชื่อมระหว่าง 2 สวนสาธารณะ จะดีไซน์เป็นคลื่น ทำให้ดูสวยและแปลกตามากๆ และเป็นอีกหนึ่งจุดเที่ยวพักผ่อน โซนสีเขียว ที่ทำให้ผมได้เห็นสิงคโปรในมุมใหม่ๆ มุมที่ไม่ได้มีแค่ตึกสูง แต่ยังมีโซนที่ทำให้รู้สึกว่าอยู่ท่ามกลางป่า ที่ต้นไม้สามารถเติบโตได้อย่างเต็มที่ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมาก เมื่อมาอยู่ที่นี่ ถึงแม้อากาศจะค่อนข้างร้อน
การเดินทาง
- นั่ง MTR สายสีม่วง มาลงที่สถานี Harbourfront จากนั้นออกมา ทางออก VivoCity แล้วจะเจอป้ายรถเมล์ 14141 Vivocity นั่งไปอีกประมาณ 15-20 นาทีก็จะเห็นสะพาน ก็เตรียมลงเลยครับ จะมีป้ายรถเมล์อยู่ก่อนถึงสะพาน และมีทางเดินขึ้นไปยังสะพานครับ หรือใครไม่อยากนั่งบัส พอออกมาจาก MTR ก็เรียกแท๊กซี่ก็ได้ครับ ข้อดี แท๊กซี่จะพาขึ้นไปส่งด้านบนครับ
ไปถึงที่นี่กันก็ช่วงประมาณ 4 5โมงเย็นแล้วครับ ผมว่าเป็นช่วงกำลังดีนะ เพราะถ้ามากลางวันต้องร้อนมากแน่ๆ ขนาดมาช่วงเย็นยังร้อนเลย 555
ตรงนี้ก็จะมีทั้งนักท่องเที่ยวและคนสิงคโปร์เองมาเดินเล่นออกกำลังกายกันช่วงเย็น
รูปด้านล่างนี้ ผมเดินลงมาถ่ายใต้สะพาน จะเห็นว่าสะพานสูงมากๆ ครับ เป็นสะพานทางเดินที่สูงที่สุดในสิงคโปร์เลย
:: clarke quay ::
ขอเรียกว่าเป็นย่านนั่งดื่ม นั่งกินชิลล์ ของสิงคโปร์ แล้วกันนะครับ ย่านนี้ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำสิงคโปร์ แถวนี้ก็เต็มไปด้วย ร้านอาหาร ร้านนั่งดื่ม หรือจะมาเดินเล่น นั่งเล่นชมบรรยากาศริมแม่น้ำ ช่วงเย็นๆ พระอาทิตย์กำลังจะตกก็ได้บรรยากาศมากๆ เหมือนกันครับ
การเดินทาง
- มาง่ายๆ เลย นั่ง MTR มาลงที่สถานี clarke quay
:: Jumbo Seafood ::
มาถึงย่าน คลาร์กคีย์ ก็ต้องมาชิมร้านดัง Jumbo Seafood ที่มีเมนูเด็ด คือ ปูยักษ์ผัดพริก Chilli Crab แต่บอกเลยว่าเด็ดทุกเมนู ให้ 10 10 10 เลย สำหรับร้านนี้ ใครอยากมากินก็อาจจะต้องจองคิวกันหน่อยนะครับ เพราะคนเยอะมากจริงๆ แต่รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
:: Equarius Hotel at Resort World Sentosa ::
หลังจากอิ่มหนำ กับมื้อค่ำไป เราก็ตรงมาที่โรงแรมบนเกาะเซนโตซ่า เลยครับ เราจะนอนกันที่นี่ 2 คืน เพราะกิจกรรมเรา 2 วันต่อจากนี้จะเที่ยวอยู่เฉพาะบนเกาะเซนโตซ่า
และโรงแรมที่เรามาพักกันคือ Equarius Hotel เป็นโรงแรม 5 ดาวที่หรูหรา ที่สุดบนเกาะเซนโตซ่า สิงคโปร์เลย ห้องกว้างมากกกก ห้องน้ำยิ่งกว้างเข้าไปใหญ่ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ก็ครบ มื้อเช้าก็มีให้เลือกหลากหลาย สมกับเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวละครับ
ทางโรงแรมมีรถรับส่งระหว่างโรงแรมกับบริเวณสวนสนุก USS ด้วยนะครับ อ้อ และที่ชอบอีกอย่างคือถ้าพักโรงแรมนี้สามารถใช้ free Wifi ได้แทบจะทั่วเกาะเซนโตซ่าเลย อยู่ใน สวนสนุก USS ก็เล่นได้ ดีมากๆ เลยครับ
Day 2
วันนี้เราจะไปตะลุยเที่ยวบนเกาะเซนโตซ่ากันทั้งวันครับ กิจกรรมเราเยอะมากๆ สนุกๆ ทั้งนั้น
:: AJ Hackett at Sentosa ::
เริ่มต้นที่แรก พามาเล่นเครื่องเล่นเปิดใหม่บนเกาะเซนโตซ่าเลย AJ Hackett เหมาะสำหรับคนชอบเล่นเครื่องเล่นผาดโผน โดยจะมี 3 เครื่องเล่นหลักๆ ให้เล่นกันคือ
1.Bungy Tower // กระโดดบันจี้จัมพ์
2.Giant Swing // แกว่งเชีอก
3.Vertical Skywalk // เดินไต่กำแพง
โดยด้านบนก็จะมีจุดให้ชมวิว และมีบริเวณที่เป็นพื้นกระจกให้ทดสอบความเสียวกันด้วย แต่สำหรับผมกลัวความสูงอยู่แล้ว วันนี้จึงไม่ได้เล่นอะไรครับ แค่ขึ้นไปชมวิวก็พอ จริงๆ ตอนแรกก็จะเล่นนะ แต่พอขึ้นไปแล้วรู้สึกไม่น่าไหว เลยไม่เอาดีกว่า 555 แต่ถ้าใครชอบแนวนี้อยู่แล้วแนะนำที่นี่เลย ถ้าได้มาสิงคโปร์แล้วลองมาเล่นนะครับ
เปิดเวลา 11.00-19.00 น.
รายละเอยดเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ลิงค์นี้ >>คลิก<<
:: Skyride and Luge ::
มาถึงอีกหนึ่งเครื่องเล่นที่ ผมมาสิงคโปร์หลายครั้งก็ได้แต่ยืนดูยังไม่มีโอกาสได้เล่นซะที แต่มารอบนี้ได้ลองเล่นแล้วรู้สึกว่าสนุกมากๆ เล่นได้ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่เลย
ลักษณะจะเป็นนั่งกระเช้า (Skyride) ขึ้นไปบนเขา จากนั้นก็เล่น Luge ลงมา แนะนำเลยนะครับ ใครมาเกาะเซนโตซ่า ลองมาเล่นดู ถือว่าสนุกคุ้มราคามาก
***โปรโมชั่น สำหรับบัตรมาสเตอร์การ์ด รับส่วนลด 6 SGD สำหรับ ตั๋วแบบ 5-rides (ราคาเต็ม 38 SGD)
:: Lunch at Le Meridien Hotel ::
เสร็จจากกิจกรรมยามเช้า แวะมาทานมื้อเที่ยงเติมพลังที่โรงแรมเมอริเดียน ตั้งอยู่ติดกับ Merlion ตัวใหญ่ที่อยู่บนเกาะเซนโตซ่าเลย โดยด้านในจะมีห้องอาหารจะอยู่ตรงชั้นแรกเลย เดินเข้ามาจะอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนมื้อนี้เมนูหลักจะเป็นคล้ายๆ กับผัดซีอิ้วทะเล บ้านเรา อร่อยใช้ได้เลย ส่วนของหวานก็มีเป็นช๊อคโกแลต รูป Merlion
สำหรับใครที่มาเที่ยวบนเกาเซนโตซ่า แล้วกำลังมองหาห้องอาหารก็แนะนำอีกหนึ่งห้องอาหารแห่งนี้เอาไว้เป็นตัวเลือกครับ
:: Merlion at Sentosa ::
อิ่มท้องแล้ว เดี๋ยวพาไปต่อด้วยกิจกรรมเบาๆ คือเดี๋ยวจะพาขึ้นไปชมวิวบนเจ้าสิงโต Merlion ตัวใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ จะบอกว่ามาสิงคโปร์รอบนี้ครั้งที่ 6 ครับ แต่พึ่งจะได้เคยขึ้น Merlion ก็ครั้งนี้ครั้งแรกเลย
โดยพอซื้อตัวเข้าไปด้านใน จะมีฉายวีดีทัศน์ บอกเล่าที่มาที่ไปของ เจ้าสิงโต Merlion กันก่อน จากนั้นจะมีให้หยอดเงินเพื่อรับเหรียญเป็นที่ระลึก แล้วก็เดินไปชมวิวได้บนหัวและปากของสิงโตได้เลย อ้อๆ มีลิฟท์ ขึ้นไปครับ ดังนั้นผู้สูงอายุที่อาจจะเดินไม่ค่อยคล่องก็สามารถขึ้นไปชมได้เช่นกัน ตรงปากสิงโตจะมีระฆังให้อธิษฐาน ขอพร ก่อนตีระฆังด้วยครับ
เวลาเปิด 10.00 – 20.00 น.
ค่าเข้า ผู้ใหญ่ 12 SGD และ เด็ก & ผู้สูงอายุ 9 SGD
:: S.E.A Aquarium ::
มาต่อกันที่ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ S.E.A Aquarium เป็นการเข้าชมครั้งแรกของผมอีกแล้วครับ 555 ซึ่งที่นี่เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลย จุน้ำกว่า 42.8 ล้านลิตร มีสัตว์น้ำให้ชมกว่า 100,000 ตัว จาก 800 สายพันธ์ุ โดยด้านในก็จะแบ่งเป็นโซนต่างๆ กว่า 49 โซน ให้ได้เดินชมกันอย่างเต็มอิ่มเลยละครับ
สถานที่ตั้ง : อยู่บริเวณ Resort world Sentosa ทางเข้าจะใกล้ๆ กับลูกโลก Universal Studios Singapore
รายละเอียดเพิ่มเติม >>คลิก<<
*โปรโมชั่น สำหรับบัตรมาสเตอร์การ์ด ซื้อตั๋วผู้ใหญ่ 2 ใบ พิเศษ เหลือเพียงใบละ 30 SGD จากปกติ 34 SGD และ แถมฟรีป๊อปคอร์นมูลค่า 6.50 SGD
ไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ คือ Open Ocean Habitat ที่สามารถมองเห็นผ่านกระจกบานใหญ่ ความยาว 36 เมตร ให้เราได้ชมความงามของโลกใต้ท้องทะเลกันอย่างเต็มที่ ทั้งปลาขนาดใหญ่ ปลาสีสันสวยงามหลายสายพันธ์ ฉลามเสือดาว และแสงสีใต้น้ำ
และวันนี้พิเศษมากๆ คือได้เข้าชมห้องพัก Ocean Suite ของ Equarius Hotel ซึ่งห้องพักตั้งอยู่ในบริเวณ S.E.A. Aquarium เลยครับ มีห้องแบบนี้ทั้งหมด 11 ห้อง ส่วนราคานั้น 555 ลองไปค้นราคาดูนะครับ ถ้าใครได้มาพักที่นี่ก็สุดยอดไม่ซ้ำใครแน่นอน
ขอบคุณภาพประกอบจากเพจ Travel Planet Xperiences
:: ห้องอาหาร Curate ::
มาต่อกันที่มื้อค่ำวันที่ 2 ที่ห้องอาหารหรู ที่มีเชฟระดับมิชลิน สตาร์ กันเลยทีเดียว อาหารนั้นต้องขอบอกเลยว่าอร่อยเหาะ บริการเป็นเลิศ หรูหราอะไรจะปานนั้น แต่ติดอย่างเดียวครับ มันน้อยไป ผมกินไม่อิ่ม 555 ใครมาก็ลองกันได้ที่ห้องอาหาร Curate อยู่บริเวณใกล้ๆ กับสวนสนุก USS นี่ละครับ
:: Halloween Horror Nights 7 ::
ทานมื้อค่ำเสร็จได้เวลาไปใช้พลังงาน ที่ สวนสนุก Universal Studios Singapore กับงาน Halloween Horror Nights 7
1 ปีมีครั้ง กับเทศกาลฮาโลวีน ที่ USS ใครไปสิงคโปร์ สำหรับปีนี้จัดขึ้นช่วง 29 ก.ย. – 29 ต.ค. 2560
ผมไปเล่นมาแล้ว ต้องบอกเลยว่าปีนี้เค้าทำดีมาก มีการปรับพื้นที่ทั่วสวนสนุกเป็นบ้านผีสิง ถ้าเล่นครบทุกบ้านก็เดินครบทั่วทั้งสวนสนุกพอดีครับ
สยองกันสมใจ มีทั้งบ้านผีสิง โชว์ และที่ผมชอบมากๆ คือเกมส์เลเซอร์ซอมบี้
14 คืนสยอง/เดือน ทุกสุดสัปดาห์ ศ ส อ เริ่มเล่น 19.30 น. เป็นต้นไป
//บัตรราคา 68 SGD
จำหน่ายตั๋วผ่าน www.halloweenhorrorninghts.com.sg
หรือสามารถซื้อได้ที่บูทหน้า USS
***ใช้บัตร Master Card ซื้อล่วงหน้าที่เว็บ โดย ลด 10 SGD ซื้อหน้าบูท ลด 8 SGD
ปีนี้เค้ากลับมาภายใต้ธีม การกลับมาของเจ็ตวิญญาณหลอน
// 5 บ้านผีสิงสุกสยอง
1.Death Mall // ห้างแห่งความตาย
2.Inside the Mind // ในสมอง ความหลงมัวเมา
3.Hex // บ้านมนต์ดำ
4.Pilgrimage of Sin //โซนสยองขวัญ
5.Happy Horror Days
// 2 โชว์ผีสุดเขย่าขวัญ
1.Laboratorium // จัดขึ้นที่ Pantages Hollywood Theater
2.Slice of Life Tour // แสดงที่ Hollywood Lagoon Stage
และ 2 โซนดูดวิญญาณหลอน
สำหรับปีหน้างาน Halloween ที่ USS จะเป็นไปในรูปแบบไหน ยังไงรอติดตามกันอีกที แต่ปีนี้คือสนุกมากๆ
Day 3
วันนี้วันสุดท้ายแล้วคร๊าบ ตื่นมากินข้าวเช้าที่โรงแรม แล้วก็เก็บกระเป๋าขึ้นรถ เตรียมออกเที่ยวก่อนกลับ เรายังมีเวลาอีกเกือบ 1 วันเต็มๆ เลย เพราะเราบินกลับไฟล์ท 20.35 น. เดี๋ยวพาไปเที่ยวกันก่อนครับ ปะ
:: วัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic) ::
ที่แรก พามาไหว้วัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว หรือที่คนไทยจะเรียกว่าวัดเขี้ยวแก้ว ถือว่าเป็นวัดทางศาสนาพุทธที่สำคัญวัดหนึ่งของสิงคโปร์ และยังเป็นที่รู้จักดีสำหรับนักท่องเที่ยว วัดพระธาตุเขี้ยวแก้วนี้ เป็นสถานที่ประดิษฐานของพระทันตธาตุ หรือฟันของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นที่มาของชื่อวัดนั่นเอง
สามารถขึ้นไปชั้น 5 เพื่อไหว้พระธาตุเขี้ยวแก้วได้
วัดนี้ตั้งอยู่ที่ย่านไชน่าทาวน์ (Chinatown) โดยสามารถนั่ง MTR มาลงที่สถานี Chinatown ได้เลย
:: ภัตตาคาร Yumcha ::
ต่อกันด้วยมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารดังย่านใช่น่าทาวน์ครับ เป็นร้านดังมากแต่ทางเข้าหายากมาก ถ้าใครไม่เคยมา ผมว่าหาไม่เจอแน่ 555 จะเป็นร้านอาหาร สไตล์อาหารจีน มีเมนูเด็ดเป็นเป็ดย่าง และเมนูอื่นก็อร่อยมากๆ เช่นกันครับ
ร้านจะอยู่บนชั้น 2 ของตึก ทางเข้าคือรูปด้านล่างซ้ายมือครับ ต้องเดินผ่านร้านขายของที่ระลึกเข้าไปแล้วจะมีบันใดขึ้นไปด้านบน ร้านดูหลบมุมขนาดนี้ แต่ข้างบนคนแน่นเลยนะครับ กินอิ่มแล้วก็เดินเล่นย่านใช่น่าทาวน์ต่ออีกนอดหน่อย จากนั้นเดี๋ยวเราไปเที่ยวกันต่อครับ
:: FORT CANNING PARK ::
มาถึงอีกหนึ่งสวนสาธารณะ รู้สึกว่าทริปนี้ได้มาเที่ยวพื้นที่สีเขียวของสิงคโปร์หลายที่เลย ดีครับ ได้เห็นสถานที่ใหม่ๆบ้าง สวนนี้ก็จะมีไฮไลท์อยู่ตรงอุโมงค์ บันใดทางขึ้นที่จะเป็นวงกลม เป็นเอกลักษณ์ ใครมาก็แวะไปถ่ายรูปแนวๆ กันได้ที่นี่เลย
การเดินทาง : สามารถนั่ง MTR (Downtown Line) มาลงที่สถานี Fort Canning Station
ขอบคุณภาพสวยๆ จาก เพจ หนีนายเที่ยว ครับ
:: ห้าง Takashimaya ถนนออร์ชาร์ต ::
ก่อนกลับต้องมาหาช๊อปกันซักหน่อยที่ ถนนออร์ชาร์ต แถวนี้ก็มีห้างเยอะมาก มาหาเลือกซื้อของเดินช๊อปได้เลย และหนึ่งร้านที่ทุกคนแทบจะมุ่งไปกันก่อนเลยคือร้าน CHARLES & KEITH แต่ผมก็ไม่รู้จะซื้ออะไร ไปศูนย์อาหารในห้างหาของกินดีกว่า ไปเจอร้านบะหมี่หน้าทะเล อร่อยมากกก พูดแล้วก็อยากกลับไปกินอีก 555
การเดินทาง : MTR สายสีแดงไป Orchard ได้เลย
จากนั้นก็ได้เวลากลับจริงๆ แล้ว เดินทางมาที่สนามบินชางงี อาคาร 1 (แต่ปัจจุบันแอร์เอเชียย้ายไปอยู่ที่อาคาร 4 แล้วนะครับ)
เราบินกลับแอร์เอเชีย ไฟล์ท FD350 เวลา 20:35 (SIN) – 22:05 (DMK) บนเครื่องยังสามารถแสดงบัตรเครดิตแอร์เอเชีย ธนาคารกรุงเทพ คู่กับ Boarding pass รับเครื่องดื่มร้อนหรือเย็นมูลค่า 60 บาท ได้อีกด้วยนะครับ คุ้มมากๆ
ส่วนอาหารมีสั่งเป็นผัดกระเพรา และข้าวเหนียวมะม่วง แนะนำสั่งก่อนเดินทางนะครับ จะได้ราคาถูกกว่ามาสั่งบนเครื่อง
และแล้วก็มาถึงสนามบินดอนเมือง ไฟล์ทนี้ตรงเวลาดี
ส่วนการเดินทางออกจากสนามบินผมใช้บริการของ Grap ครับโหลดแอ๊พมาได้เลย จากนั้นลงทะเบียนให้เรียบร้อย
ใส่สถานที่ๆ จะไป จากนั้นแอ๊พจะแสดง ว่ามีรถอยู่ใกล้ๆ แถวนี้ไหม และจะมาถึงเราในอีกกี่นาที ค่าโดยสารกี่บาท ถ้าโอเคก็กดจองเลย สะดวกมากๆ
ปล. รูปประกอบนี่ตอนขามานะครับ ^^
จบทริปเที่ยวสิงคโปร์ 3 วัน 2 คืน
เป็นอีกทริปที่รู้สึกชอบมาก เพราะถึงจะเป็นการไปสิงคโปร์รอบที่ 6 แล้ว แต่รอบนี้ คือ แทบทุกที่ๆ ไป กิจกรรมต่างๆ ที่ได้ลองเล่น เป็นประสบการณ์ครั้งแรกทั้งนั้นเลย ชอบและสนุกดี ไปได้อีกเรื่อยๆ ครับสิงคโปร์ ตั๋วถูกด้วย
เจอกันใหม่ทริปต่อไปกับผม เอ็ม พาบิน คร๊าบบ