สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาไปทุกคนไปช๊อปและสำรวจห้าง Takashimaya ที่ย่าน Shinjuku อีกหนึ่งย่านดังในโตเกียว
หากใครกำลังจะไปเที่ยวโตเกียวและกำลังหาที่ช้อปปิ้ง หนึ่งย่านดังอย่างชินจุกุ จะต้องเป็นอีกหนึ่งย่านที่ทุกคนนึกถึงอย่างแน่นอน
และหากจะไปที่เดียวที่ได้ครบทั้งช๊อป ทั้งกิน ก็แนะนำที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่าง ทาคาชิมายะ สาขาชินจุกุ (Shinjuku Takashimaya) ไปที่เดียวแล้วได้ครบจริงๆ เพราะมีทั้ง อาหารรสชาติเยี่ยม และยังมีสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำต่างๆ ให้ได้เลือกกัน ที่นี่ยังมีทั้ง Duty Free ให้นักท่องเที่ยวได้ช๊อปสินค้าปลอดภาษี และมี Tax Free Counter ให้นักท่องเที่ยวได้ขอคืนภาษีจากการช๊อปที่ห้างแห่งนี้ได้อีกด้วย
ซึ่งถือเป็นห้างที่มีของครบและสะดวกต่อการเดินทางมากๆ ตรงยาวไปสนามบินได้เลย
ขอเชิญเข้ากลุ่ม พูดคุย แลกเปลี่ยน เรื่องราวเที่ยวญี่ปุ่น
ที่กลุ่ม เที่ยวญี่ปุ่น ไปไหนมาแชร์
คลิกผ่านลิงค์ นี้ >>คลิก<<
หรือสแกน QR Code ตามรูปด้านล่างเลย
การเดินทาง
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ห้างสรรพสินค้าทาคาชิมายะได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ คือการเดินทางที่สะดวก
เพราะอยู่ใกล้กับสถานี JR Shinjuku นั่งรถไฟมาได้เลย จากนั้นเดินออกทางประตู New South Gate ออกไปราว 2 นาทีก็ถึง Shinjuku Express Way Bus Terminal ก็จะมองเห็นห้างทาคาชิมายะเลย
หรือจะออกทางประตู South Gate แล้วเดินไปทางด้านหลังของ Shinjuku tourist information เดินไปอีกนิดเดียวก็จะเจอห้างเลยครับ จริงๆ มาได้หลายทางมากๆ หรือถามคนแถวนั้นก็ได้ถ้าหาไม่เจอ
***สถานี JR Shinjuku สามารถเดินทางด้วยรถไฟ Narita Express(N’ex) ตรงไปสนามบินนาริตะได้เลย สะดวกมากสำหรับคนที่ต้องการจะช๊อปก่อนกลับ
ไปเริ่มสำรวจห้าง ทาคาชิมายะ กันดีกว่า
เข้ามาจะเจอ Information สงสัยอะไรอยู่ตรงไหน เข้าไปสอบถามพนักงานสาวสวยได้เลย จะมีแผ่นพับที่บอกว่าแต่ละชั้นมีอะไรบ้าง สามารถหยิบได้เลย
สำหรับแบรนด์ในห้าง จะเป็นแบรนด์ระดับไฮเอนด์ ไม่ว่าจะเป็น Louis Vuitton, Tiffany, CHANEL รวมถึงแบรนด์ที่มีแค่ที่ทาคาชิมายะแห่งเดียวในชินจูกุอย่าง BAO BAO ISSEY MIYAKE, Gucci, Hermes, BVLGARI, Cartier และยังมีแบรนด์อื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ในตึกไทม์สแควร์ที่ห้างทาคาชิมายะ ชินจูกุ ยังมีร้านขวัญใจวัยรุ่นอย่าง ‘Tokyu Hands’ และ ‘UNIQLO’ ให้ได้เลือกช้อปอีกด้วย ตามด้วยร้านอาหารที่เรียงรายอยู่บนชั้น 12-14 อยากแวะฝากท้องหลังจากการช้อปปิ้งมาทั้งวันก็ย่อมได้
ต่อไปพาไปแนะนำร้านเด็ด ร้านดังในห้างทาคาชิมายะ สาขาชินจูกุ ที่ต้องแวะ!
เนื่องจากห้างค่อนข้างใหญ่ ใครที่กังวลว่าจะเดินไม่ครบทุกร้าน เพราะเวลาอาจจะมีน้อย ไม่ต้องกังวลไปครับ เดี๋ยวผมจะพาไปแนะนำร้านที่ดังๆ ในแต่ละหมวดกัน โดยจะแบ่งเป็น เครื่องสำอาง โซนอาหาร และโซนขนม แถมท้ายด้วยพาไปดู Duty Free และ Tax Free Counter สำหรับขอคืนภาษีสำหรับนักท่องเที่ยว
หมวดที่ 1 เครื่องสำอาง
จะอยู่บริเวณชั้น 1 เดินเข้ามาเห็นเลยครับ แบรนด์เครื่องสำอางค์ชั้นนำก็มีให้เลือกครบทั้งหมดแน่นอน
แบรนด์ ที่แนะนำเป็นพิเศษคือ JILL STUART ที่ผสมผสานระหว่างเสน่ห์อันอ่อนโยนสดใส เซ็กซี่เย้ายวนของหญิงสาวเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เป็นเครื่องสำอางที่ทำให้ผู้หญิง “น่ารัก” ในแบบของตัวเอง แถมแพคเกจจิ้งยังเป็นประกายให้ความรู้สึกประหนึ่งเป็นเจ้าหญิงเมื่อเลือกใช้ เหมาะกับหญิงสาวที่อยากมีลุคอ่อนหวานปนเซ็กซี่เล็กๆ
ไอเท็มตัวท็อปที่กำลังมาแรงของ JILL STUART คือลิปสติก Shine & Moist Type ‘Lip Blossom’ ที่มีสีให้เลือกถึง 20 สีด้วยกันในราคาสบายกระเป๋า เพียง 2,800 เยน (รวมภาษีแล้ว) เท่านั้น ตัวลิปประกอบด้วย Rosemary Essence, Lavender Oil, Avocado Oil ที่ช่วยรักษาความนุ่มชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก ตัวฝาเป็นรูปกลีบดอกไม้ที่สามารถเปิดได้ เมื่อเปิดขึ้นมาจะพบกับตัว J และกระจกเล็กๆใช้ส่องเพื่อเพิ่มความมั่นใจในยามที่ต้องการเติมลิป
และสำหรับใครที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์สกินแคร์บำรุงผิวอยู่ แนะนำแบรนด์ COSMEDECORTE (คอสเมเดคอร์เต) ที่โดดเด่นเรื่องผลิตภัณฑ์ที่ช่วยต่อต้านริ้วรอยแห่งวัย โดยผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นผ่านการศึกษา ค้นคว้า และวิจัยเรื่องสภาพผิวมาอย่างยาวนาน จึงวางใจได้ในเรื่องของคุณภาพและประสิทธิภาพ ปัจจุบันมี Basic Skincare Products ที่เป็นตัวท็อปอยู่หลายไลน์ให้เลือกตามสภาพผิว แต่ที่กำลังฮอตสุดๆ ถูกใจบรรดานักท่องเที่ยว ต้อง 3 ชิ้นนี้เลย
ขวดซ้ายสุด : AQ Lotion (200 mL ราคา 10,000 เยนรวมภาษี)
โลชั่นต่อต้านริ้วรอยแห่งวัยที่จะทำให้ผิว นุ่ม เด้ง เปล่งประกายความอ่อนเยาว์ เสริมสร้างผิวใสอย่างเป็นธรรมชาติ
ขวดกลาง : LIPOSOME Treatment Liquid (170 mL ราคา 10,000 เยนรวมภาษี)
โลชั่นที่จะปลุกความงดงามให้กับผิวหน้า โดยเนื้อครีมจะซึมผ่านเข้าสู่ผิวอย่างรวดเร็ว พร้อมมอบความชุ่มชื้นทั่วใบหน้า ทำให้ผิวสดใส เปล่งประกายยาวนาน
ขวดขวาสุด : Vita De Reve Herbal Vitalizing Lotion (150 mL ราคา 4,500 เยนรวมภาษี)
โลชั่นชนิดพิเศษที่มีส่วนผสมของ Essence จากธรรมชาติ ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว และสามารถซึมลึกเข้าไปบำรุงผิวชั้นในได้อย่างรวดเร็วแม้ในผิวที่แห้งและหยาบกระด้าง เป็นตัวเลือกที่ขาดไม่ได้สำหรับสาวๆ ที่อยากให้ผิวกระจ่างใสและเนียนนุ่ม
นอกจากนี้ทางร้านยังมีบริการตรวจสอบสภาพผิวและความชุ่มชื้นของผิวเพื่อให้คำแนะนำในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับผิวหน้าของเราอีกด้วย
หมวดที่ 2 โซนอาหาร
มาถึงโซนของกิน บอกเลยงานนี้มีเสียตังค์ละครับสำหรับผม ที่ชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าในญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเป็นโซนขายอาหารและขนมโดยเฉพาะ จึงเกิดเป็นคำว่า “เดพะจิคะ” ซึ่งย่อมาจาก เดพาโตะ (デパート) ที่แปลว่าห้างสรรพสินค้า และจิคะ (地下) ที่แปลว่าชั้นใต้ดิน ในโซนนี้จะมีทั้งอาหาร วัตถุดิบ และอุปกรณ์ต่างๆ ในการทำอาหารเรียงรายกันอยู่ราวกับเป็นธีมพาร์คสวนอาหารเลยทีเดียว
แน่นอนว่า “เดพะจิคะ” ของห้างทาคาชิมายะ สาขาชินจูกุนั้นต้องเพียบพร้อมสำหรับทุกความต้องการ ไม่เพียงอาหารญี่ปุ่นเท่านั้น อาหารตะวันตกหรืออาหารจีน รวมไปถึงร้านขนมญี่ปุ่นและขนมหวานต่างๆ ก็มีครบ
นอกจากนี้แต่ละร้านยังมีการเพิ่มความพิเศษด้วยการนำวัตถุดิบของแต่ละฤดูกาลมาทำ “เบนโตะ” หรือข้าวกล่องหลากหลายชนิดให้เลือกซื้อและนำกลับไปทานที่บ้านได้อีกด้วย ผมก็แอบซ์้อกลับไปกินด้วยเหมือนกันครับ ซื้อแบบนี้ประหยัด มีให้เลือกเยอะ
ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนเมษายนจะมีฤดูกาลชมดอกซากุระที่เรียกว่า “โอะฮานามิ” ซึ่งในช่วงนี้ก็จะมีสินค้าลิมิเต็ดอีดิชั่นอย่างข้าวกล่อง “โอะฮานามิเบนโตะ” (สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 1,000 – 3,000 เยน) และ “ซากุระโมจิ” หรือขนมโมจิที่ห่อด้วยใบซากุระหมักเกลือ ที่มีวางจำหน่ายเฉพาะช่วงชมดอกไม้เท่านั้นมาให้ลองทานกันด้วย
และยังมีซูชิหน้าปลาดิบสดๆ, ปลาย่าง, ยากิโทริ, แกงกะหรี่, สลัด, และเครื่องเคียงต่างๆ อีกมากมาย
หมวดที่ 3 ขนม
เป็นอีกหนึ่งโซนที่สามารถดึงเงินจากกระเป๋าของผมไปได้ หาซื้อขนมเป็นของฝากกลับไทยนี่ละครับ ง่ายดี แจกได้หลายคนด้วย เนื่องจากโซนนี้มีหลายร้านมากๆ เดี๋ยวจะพาไปดูร้านที่น่าจะเหมาะซื้อเป็นของฝาก กันครับ
ร้านแรก คาร์ล ยูไฮม์ (KARL JUCHHEIM) ร้านบามคูเฮนที่ได้ชื่อมาจากเชฟทำขนมที่อบบามคูเฮนขึ้นเป็นคนแรกในประเทศญี่ปุ่น เป็นขนมที่อบโดยใช้สูตรดั้งเดิมจากประเทศเยอรมนี ขนมบามคูเฮนที่ร้านนี้จะเนื้อขนมจะค่อนข้างมีเนื้อที่ละเอียด แต่ละชั้นเรียวบางประหนึ่งวงแหวนแสนสวย
ทีเด็ดของร้านนี้คือ “มัตฉะบามคูเฮน” เนื้อขนมจะเป็นชาเขียวมัตฉะที่มีกลิ่นหอมเย้ายวนใจและรสหวานปนขม ถูกอบอย่างพิถีพิถันและเคลือบด้วยไวท์ช็อกโกแลตแสนอร่อย หนึ่งชิ้นราคาเพียง 130 เยน(รวมภาษี) หรือหากอยากซื้อหลายๆ ชิ้นก็สามารถซื้อเป็นเซ็ต 7 ชิ้นในราคาเพียง 1,000 เยน(รวมภาษี) โดยที่แต่ละชิ้นจะถูกห่อแยกเป็นอย่างดี สามารถนำกลับไปเป็นของฝากได้
ร้านที่ 2 ร้านนี้ดึงเงินผมไปได้ 555 สำหรับใครที่ชื่นชอบช็อกโกแลตของญี่ปุ่น ที่นี่ก็มีร้าน “คิทแคท” อันเลื่องชื่อและเป็นที่รักของผู้คนในกว่า 70 ประเทศทั่วโลกตั้งอยู่ด้วย! โดยที่ร้าน Kit Kat Chocolatory แห่งนี้จะมีการตกแต่งร้านตามฤดูกาลอยู่เสมอ ควรค่าแก่การแวะไปเยี่ยมชมบรรยากาศ ถ่ายรูป และซื้อช็อกโกแลตของโปรดติดไม้ติดมือกลับบ้านเป็นที่สุด
สำหรับช็อกโกแลตรสชาเขียว มีทั้ง “Sublime Matcha” ที่เป็นการผสมผสานกันระหว่างชาเขียวเข้มข้นชั้นดีกับผงชาเขียว หรือผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง “Moleson Matcha” ที่เพิ่มท็อปปิ้งเจ๋งๆ อย่างถั่วแดง ข้าวพอง และเปลือกส้มยูซึเข้าไป และมีช็อกโกแลตหลากหลายรสชาติอีกมากมายที่หาซื้อตามร้านทั่วไปไม่ได้เพราะมีจำหน่ายแค่ที่ร้าน KitKat Chocolatory ที่เดียวเท่านั้น เป็น “คิทแคทแบบพิเศษ” ที่รอให้ไปลองกัน
***สต็อกของในร้านอาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยตามช่วงเวลาต่างๆ
แถมท้ายด้วยโปรห้ามพลาด อยากช้อปแบบสุดคุ้ม ต้องมาเยือนเดือนมกราคมและเดือนกรกฎาคม เท่านั้น!
เดือนมกราคมและเดือนกรกฎาคมจะเป็นช่วงเซลล์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ร้านค้าในห้างทาคาชิมายะ ชินจูกุ ก็มีการจัดเซลล์ลดราคาสินค้า 10 – 20% ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในเดือนมกราคมที่จะมีความพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ “ถุงโชคดี” ที่จะมีวางจำหน่ายในวันที่ 2 มกราคมอันเป็นวันเปิดให้บริการวันแรกของปีหลังจากวันหยุดปีใหม่ พอยท์ของถุงโชคดีคือเราจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าข้างในถุงมีของอะไรบ้าง ต้องซื้อแล้วมาลุ้นเอาทีหลังเท่านั้น แต่โดยปกติของในถุงมักจะมีราคามากกว่าค่าถุงโชคดีอยู่แล้ว และก็มักจะมีแต่ของดีๆ จึงมีหลายคนที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ถุงโชคดีแล้วเดินทางมาต่อแถวรอแย่งซื้อกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ที่ห้างทาคาชิมายะ ชินจูกุ ก็มีลูกค้ามาต่อคิวรอตั้งแต่ก่อนห้างเปิด กลายเป็นภาพที่มีคู่กับบรรยากาศวันปีใหม่ราวกับเป็นแสงแรกของปีก็ไม่ปาน
สิทธิพิเศษมากมายสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ที่ชั้น 11 จะมี Tax Free Counter, Duty Free, ห้องทำละหมาด และอื่นๆ อีกมากมายสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติโดยเฉพาะ
Tax Free Counter
Duty Free
ทางเข้าห้องละหมาด
นอกจากนี้ที่ Tax Free Counter ยังมีบริการส่งสินค้าอยู่ด้วย สำหรับลูกค้าที่ช้อปเยอะแบบจัดเต็มแต่ไม่อยากแบกกลับโรงแรมเอง หากเป็นโรงแรมที่เป็นพาร์ทเนอร์กับทางห้างก็จะมีบริการส่งฟรี (ประมาณ 20 แห่ง สามารถตรวจสอบกับทางพนักงานได้) หรือจะให้ส่งไปที่สนามบินฮาเนดะหรือสนามบินนาริตะก็ได้เช่นกัน แต่ในส่วนนี้จะมีค่าใช้จ่าย หรือใครที่อยากแลกเงิน บริเวณใกล้กับ Tax Free Counter มีเครื่องแลกเงิน Money Exchange จบปัญหาเงินเยนไม่พอสำหรับการช้อป สามารถขึ้นมาแลกเงินที่นี่แล้วไปช้อปต่อได้ทันทีไม่มีขาดช่วง
ที่สำคัญที่สุด ณ ตอนนี้ห้างทาคาชิมายะ ชินจูกุ มีเจ้าหน้าที่ที่สามารถพูดภาษาอังกฤษและภาษาจีนคอยให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่ด้วย ติดต่อได้ทุกเมื่อ ช้อปได้อย่างสบายใจ
ใครผ่านไปผ่านมาที่โตเกียว ก็ลองมาแวะเที่ยว ช๊อปปิ้งที่ห้าง Shinjuku Takashimaya กันนะครับ
สำหรับครั้งหน้าผมจะพาไปเที่ยวที่ไหน หรือรีวิวที่ไหนอีก รอติดตามกันนะครับ