มาชูปิกชู MACHU PICCHU…วันนี้เราจะได้เจอแล้ว หลังจากที่รีวิวก่อนหน้าได้เล่าการเดินทาง ตั้งแต่เดินทางมาถึง เมืองลิม่า Lima ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเปรู และการเดินทางต่อมาจนถึงเมืองตีนเขาก่อนขึ้น มาชูปิกชู MACHU PICCHU ก็คือเมือง อากวาส กาเลียนเตส (Aguas Calientes) นั่นเอง สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่านรีวิวก่อนหน้ากลับไปอ่านก่อนได้ ตามลิงค์ด้านล่างเลย
คลิก >>> รีวิวเที่ยว มาชูปิกชู MACHU PICCHU : EP1 การเดินทางจาก LIMA > CUSCO > AGUAS CALIENTES
******************************
มาทราบความเป็นมา และรู้จัดมาชูปิกชู กันคร่าวๆ ซักนิดหนึง
มาชูปิกชู ( Machu Picchu) หรือที่เรียกว่า เมืองสาบสูญแห่งอินคา เพราะมันได้หลายสาบสูญ ไปรับร้อยปี ขนาดสเปนที่มาล่าอาณานิคม ยึดครองสเปนอยู่นาน ก็ยังไม่เจอ จนกระทั่งมี ไฮแรม บิงแฮม สำรวจชาวอเมริกัน ที่เค้าศึกษาและต้องการทราบว่าฐานที่มั่นสุดท้ายของชาวอินคา ก่อนจะหายสาบสูญไปอยู่ที่ไหน จึงได้เข้ามาสำรวจบริเวณนี้
และเช้าวันที่ 24 ก.ค. 1911 ฝนตกพร่ำๆ ไฮแรม บิงแฮม ได้รับคำบอกเล่าขากชาวไร่ข้าวโพดว่า ข้ามสันเขาลูกนั้นไปจะมี เมืองๆ หนึง ซึ่งน่าจะเคยรุ่งเรืองในอดีต แต่ตอนนี้ถูกวัชพืชปกคลุมอยู่
ไฮแรม บิงแฮม ได้ยินดังนั้น ก็อยากไปดูทันที นั่งไม่อยู่ แล้ว แต่ด้วยความที่ฝนตก ชาวไร่ข้าวโพดก็ไม่ยอมพาไป จนเค้าบอกว่าจะจ่ายค่าจ้างเป็น 4 เท่า ชาวไร่ข้าวโพด ถึงได้พาขึ้นไป จนได้เจอ และมีการเข้าไปพัฒนาพื้นที่จนมา เป็น มาชูปิกชู ในทุกวันนี้
และเมื่อปี 2007 มาชูปิกชู ( Machu Picchu) ได้รับการโหวตเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัสจรรย์ ของโลกยุคใหม่ ทำให้เดี๋ยวนี้มีนักท่องเที่ยว อยากมาสัม
เอาหล่ะ…หลังจากที่เมื่อวานผมได้เดินทางมาถึงที่เมือง อากวาส กาเลียนเตส (Aguas Calientes) ซึ่งเป็นเมืองตีนเขาก่อนขึ้นมาชูปิกชู และได้จัดการซื้อตั๋วสำหรับขึ้นมาชูปิกชู ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งซื้อสำหรับขึ้นมาชูปิกชูวันนี้รอบบ่าย เพราะเช็คสภาพอากาศบอกตอนเช้าฝนจะตก ตอนบ่ายจะพอมีแดด
ตื่นเช้ามาวันนี้ ออกไปดูนอกหห้อง แดดดีมาก โอ้ย พยากรณ์อากาศ ทรยศ สุดๆ เชื่อถือไม่ได้เลย รู้งี้ขึ้นรอบเช้าดีกว่า เพราะก็ตื่นตั้งแต่ตีสองแล้วไงวันนี้ 555
ไม่เป็นไร นั่งทำงานรอจนประมาณ 10.30 น. ก็ออกไปหากินข้าว ร้านข้าวแถวนี้เค้าทำช้านิดหนึงนะ ใครจะมาคือถ้ารีบๆ ไม่แนะนำนั่งร้าน ให้ซื้อพวกของกินที่ทำสำเร็จไว้แล้วดีกว่า พวกแซนวิส อะไรพวกนั้น
ณ ตอนนี้แดดก็ยังดีอยู่ ได้แต่ภาวนาให้ ตอนผมขึ้นไปนั้นแดดจะยังคงอยู่ เพราะอากาศมันเปลี่ยนแปลงได้บ่อย วันหนึงจะมีทั้งฝนและแดดสลับกันไป
การขึ้นไปยังมาชูปิกชู จากเมือง Aguas Calientes ทำได้ 2 วิธีคือ
1.เดิน น่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงโดยประมาณ ทางเดินจะไม่ซิกแซกเหมือนทางรถวิ่ง
2.ขึ้นรถบัส ค่ารถบัสจะเที่ยวละ 12 USD ใช้เวลาประมาณ 25 นาที
สำหรับใครที่อยากลองเดินถ้าอยากประหยัดแรงก็ค่อยเดินขากลับก็ได้ ส่วนขาไปนั่งรถบัสขึ้นจะประหยัดแรงได้เยอะ
กินข้าวเสร็จไปหาซื้อตั๋วรถบัสขึ้นไปมาชูปิกชู ที่ท่ารถบัส จะอยู่บริเวณใต้สะพานตามรูปด้านบน ราคาเที่ยวละ 12 USD ผมก็ซื้อไปกลับไว้เลย 24 USD แต่ถ้าใครอยากประหยัดก็เดินขึ้นก็ได้นะ
แต่ต้องเผื่อเวลาเดินหน่อยซักประมาณ 1-2 ชั่วโมงเลยละผมว่า ไกลอยู่ แถมเดินขึ้นเขามันจะเหนื่อยง่าย เดินไปพักไป ผมเลือกที่จะไม่เดิน ขอเก็บแรงไว้ไปเดินบนมาชูปิกชูดีกว่า
เพราะเมื่อวานพนักงานที่โรงแรมบอกถ้าเดินรอบมาชูปิกชู ก็ใช้เวลา ประมาณ 4 ชั่วโมงแล้วนะ ผมก็ ห๊ะ 4 ชั่วโมง เลยเหรอ
ระหว่างรอคิวขึ้นรถบัส จะมี จนท มาตรวจตั๋วรถบัส และตั๋วสำหรับขึ้นมาชูปิกชู ตรวจพร้อมกับพาสปอร์ต ชื่อ และเลขพาสปอร์ตต้องตรงกัน เค้าตรวจค่อนข้างละเอียดนะ เป็นตั๋วที่ให้คนอื่นแทนไม่ได้เลย อารมณ์เหมือนตั๋วเครื่องบินอะ ไปไม่ได้คือทิ้งเลย
ได้เวลาขึ้นรถบัสแล้ว …รถบัสก็มาเรื่อยๆ นะ ไม่ได้มีรอบหรอก คนเต็มก็ออก ขึ้นไปก็ที่นั่งริมหน้าต่างถูกจับจองหมดแล้ว อดเลย กะจะนั่งเก็บภาพ ถ่ายคลิปซะหน่อย
ทางขึ้นเขาจะเป็นซิกแซก ไปมาจนถึงยอดเขา ใช้เวลาประมาณ 30 นาที แต่ถ้าเดินขึ้นมันจะเป็นทางตัดตรงขึ้นเลย
รถจะพาไต่ระดับไปเรื่อยๆ จนถึงยอดเขา พอเริ่มสูงต้องบอกเลยว่า ร้องอู้วว์.. บ่อยมาก เพราะจะเริ่มเห็นวิวเขา และแม่น้ำด้านล่าง ทั้งสวยทั้งเสียว สร้างความตื่นเห็นให้คนบนรถไม่ใช่น้อย บางช่วงนี่รถก็กระเด้งซะจนไม่สามารถหยิบจับอะไรเพื่อถ่ายภาพได้ เด็กน้อยข้างหลังก็ส่งเสียง เอ้ว เอ้ว เอ้ว ตามจังหวะการกระเด้งของรถ จนทำให้อดขำไม่ได้
พอไปถึงด้านบน ก็เจอกับคนเยอะแยะเลย ทั้งคนที่เข้าชมรอบเช้า ที่กำลังรอรถกลับแถวยาวเหยียด แต่รถก็เครียคนได้เร็วมาก ถือว่าจัดการได้ดี ก็แหล่งท่องเที่ยวระดับโลกนิเนาะ
คือด้านในมาชูปิกชู จะไม่มีห้องน้ำหรือ ของขาย ดังนั้น ก่อนเข้าจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ซื้อเสบียงตุนไปด้วย น้ำนี่แนะนำพกไปเยอะๆ ผมพกไป 2ขวดเล็ก หมดพอดี จริงๆ เอาขวดใหญ่ไปเลยดีสุด
ก่อนทางขึ้น จะมีไกด์ท้องถิ่นยืนอยู่เยอะเลย ใครอยากได้ไกด์ก็ติดต่อได้เลย ผมก้ลืมถามราคามานะ ตรงทางเข้าก็จะมีตรวจตั๋วอีกรอบ
ได้เวลาตะลุย.. มาชูปิกชู MACHU PICCHU
พอเริ่มเดินเข้าไปในใจก็แอบลุ้นแล้วละ ว่าของจริงมันจะเป็นยังไงน้า
คือมาชูปิกชูจะแบ่งเป็น 3 ส่วนนะ คือ
1.ส่วนของพื้นที่ทำการเกษตร ส่วนนี้จะเป็นห้องเก็บเสบียงและห้องเฝ้ายาม พื้นที่นี้จึงอยู่สูงสุด
2.ส่วนพื้นที่อยู่อาศัย แบ่งอีกเป็นที่อยู่อาศัยของกษัตริย์และนักปราชญ์ ,ที่อยู่อาศัยของคนทั่วไป (เมื่องส่วนล่าง)
3.ส่วนศาสนสถาน (เมื่องส่วนบน)
เมื่อวาน พนักงานโรงแรมบอกเส้นทางเดินมาแล้ว ว่าให้วนซ้าย มันจะมีป้ายบอกเส้นทาง ตลอดทาง ทางขึ้นช่วงแรกต้องเดินไต่เขาขึ้นไป เล่นเอาผมหอบเลย เดินไปพักไป
พอขึ้นไปถึงด้านบนภาพแรกที่เห็น นี่ถึงขนาดต้องร้องว้าว มากๆเลย มันดูอลังการงานสร้างสุดๆ และภูเขาแถวนี้นะ มันใหญ่ อภิมหามหึมา โอ้ย ไม่รู้จะใช้คำไหน สูงเท่าเมฆอะภูเขาแถวนี้
โซนแรกที่เจอจะเป็นมุมมหาชน สำหรับถ่ายรูปเลย มีหลายจุดเลยนะ เดินถ่ายไปเรื่อยๆ ก็จะได้ฉากหลังที่สวยแตกต่างกันไป ถ่ายรูปสนุกมากโซนนี้
ตลอดทางจะมี จนท คอยดูนักท่องเที่ยวตลอด บางจุดผมก็ให้ จนท นี่แหละมาช่วยถ่ายรูปให้หน่อย
ทั้งนักท่องเที่ยว และ จนท ที่ให้ช่วยถ่ายรูปให้วันนี้คือน่ารักมาก ถ่ายให้เต็มที่ เลย
ใครอยากเห็นเจ้าอัลปาก้า มาที่นี่ได้เจอแน่นอน กระจายอยู่ทั่วบริเวณเลย คอยเล็มหญ้า
ภูเขาที่เป็นฉากหลังของ มาชูปิกชู คือภูเขา Montana สามารถขึ้นไปได้นะครับ แต่ต้องจ่ายเพิ่ม
ระหว่างนั้น เดินๆ ไปเจอมุมหนึง กำลังเจอ 2 สาวชาวจีน กำลังถ่ายรูปกันอยู่ ยืนๆ ดูอยู่พักหนึง เจ๊ คนที่ถ่ายนี่คือมุมดีมาก สังเกตหลายรูปที่เค้าถ่ายให้เพื่อนคือสวยมาก ก็เลยบอกรบกวนช่วยถ่ายให้หน่อย เอาแบบที่ยูถ่ายให้เพื่อนยูอะ ก็เลยได้รูปสวยๆ มาหลายรูปเลย
จุดนี้ก็จะมีตัวอาปาก้าด้วย กำลังกินหญ้าอยู่หลายตัวเลย เออ ดีเนอะ ไม่ต้องใช้เครื่องตัดหญ้าเลย 555 เจ้าอาปาก้า แสนน่ารักก็ทั้งยืน ทั้งนั่ง เป็นแบบให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกันได้อย่างเต็มที่เลย เป็นงานสุดๆ อะ
เดินถ่ายช่วงโซนบนจุดที่สูงสุดของมาชูปิกชูอยู่ชั่วโมงกว่าๆ เลย ช่วงนี้ดีที่แดด ออก อากาศดี เป็นใจ ให้กับคนที่เดินทางมาไกลอย่างผมได้เก็บภาพสุดๆ
แต่พอจะเดินไปโซนล่างฝนก็ปรอยๆ มา ก็ไม่เป็นไร กางร่มเที่ยวต่อ ดีที่ไม่ตกแรง มันก็ตกๆ หยุดๆ สลับกันไป ช่วงโซนกลางก็จะได้เห็นอาคารบ้านเรือนของชาวอินคาสมัยก่อน มีการวางแผนผังไว้อย่างดีมาก น่าทึ่งสุดๆ ว่าสมัยก่อนสามารถสร้างกันได้ขนาดนี้
มองไปก็รู้สึกว่าภูเขาแถวนี้ มันสูงใหญ่มากจริงๆ นะ มาชูปิกชูจะสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 2400 เมตร พอๆ กับยอดดอยอินทนนท์บ้านเราละครับ
หลายคนอาจจะสงสัยว่าเค้าขนหินจากไหนมาสร้าง ก็มีแนวคิดที่ว่า เค้าก็กระเทาะ หินบนภูเขาแถวนี้ละมาสร้าง พอได้มาเห็นสถานที่จริงๆ แล้วก็เห็นด้วยกับแนวคิดนี้นะ เพราะภูเขาแถวนี้ก็เต็มไปด้วยหินแบบเดียวกันกับที่ใช้สร้าง
พอลงมาข้างล่าง ตรงโซนเมือง โซนที่พักอาศัยเก่า มองขึ้นไปโซนที่เค้าทำเกษตร ก็รู้สึกว่าสายงาม มากๆ อารมณ์คล้ายๆ นาขั้นบันใด
แอบมาเข้าร่ม หลบฝนนั่งพักซักแป๊ป หลังจากเดินมานาน
ผมก็เดินชมส่วนนั้น ส่วนนี้ไปเรื่อยๆ จะเห็นว่าตอนนี้โครงสร้างบ้าน หรืออาคารต่างๆ จะหลงเหลืออยู่เฉพาะส่วนที่เป็นหิน
มองย้อนไปมุม นี้ยิ่งได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ อลังการ
ระหว่างเดิน มีช่วงหนึงเจอฝูงกระรอก คือแบบ น่ารักมาก เป็นกระรอกที่อ้วน สมบูรณ์สุดๆ
มองไปด้านล่างก็จะเห็นแม่น้ำอูลุมบามบ้า ที่ไหลรอบมาชูปิกชู เชื่อกันว่าที่มาชูปิกชูมาตั้งตรงจุดนี้ก็เพราะใกล้แหล่งน้ำนี่แหละ ซึ่งก็น่าจะใช้หลักการเดียวกันของการตั้งเมืองในสมัยก่อนของหลายๆ ประเทศที่มักจะตั้งติดกับแหล่งน้ำ
รูปล่างนี้ มองไปจะเห็นทางที่รถพาเราขึ้นมา จะคดเคี้ยวมากๆ
เดินมาจนใกล้ๆ จะทางออกละครับ มุมนี้ หลังจากฝนตก พอแดดออก ก็มีสายรุ้งมาอวดโฉม ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกัน
ให้ทายว่าผมใช้เวลาอยู่ที่นี่กี่ชั่วโมง? เดินไปถ่ายรูปไป นี่ขนาดเดินลัดในบางจุด ก็ยังใช้เวลาไป 4 ชั่วโมงกว่าๆ ในการเดินจนรอบมาชูปิกชู ตอนที่ จนท รร บอกว่าประมาณ 4 ชั่วโมง ตอนนั้นก็ไม่คิดว่ามันจะถึงนะ เพราะ 4 ชั่วโมงมันนานมากเลยนะ กินน้ำไปหมด 2 ขวด ตลอดการเดินก็โชคดีว่าไม่ปวดเข้าห้องน้ำเลย เพราะน้ำมันคงถูกขับออกทางเหงือแล้วเป็นที่เรียบร้อย
เดินมาจะถึงทางออกแล้ว หันมองกลับไป ก็ยังสวยอยู่ จริงๆ มาชูปิกชู ถ่ายมุมไหนก็สวย ถ้าจะเอาให้ดีคือต้องแดดออกด้วย
ตอนขาออกมาจะมีจุดให้ปั้มตราประทับ ของมาชูปิกชู อยู่ ผมก็เดินเข้าไปจะปั้ม ตอนนั้นมี 3 เจ๊ ชาวเกาหลีกำลังประทับโปส์ตการ์ดอยู่ พอผมเดินเข้าไปเค้าก็แหวกให้ผมประทับก่อน ผมก็เลยกางพาสปอร์ตออก พร้อมกับหยิบตราประทับปั้มลง แรงๆ เน้นๆ ดังปั๊ก!! แอบบเสียงดังมาก จนทั้ง 3 เจ๊ ร้องโอ้ว ทั้งขำและหัวเราะ 555 ไม่ได้ๆ ต้องแรงๆ ครั้งเดียวต้องติด หลังจากนั้นมีเจ๊คนหนึงบอกให้ผม ปั้มใส่มือด้วยซิ นี่เค้าก็ปั้ม เอ้า ปั้มก็ปั้ม 555
เดินถือพาสปอร์ตที่มีตาปั้มมาชูปิกชู มารอรถบัสลง อย่างอิ่มอกอิ่มใจ เพราะวันนี้ถือว่าอากาศก็เป็นใจมากนะ ถึงจะมีฝนตกบางช่วง แต่ก็ได้รูปในมุมที่ต้องการช่วงแดด ออก และถ่ายรูปมาได้เยอะมาก ทั้งรูปตัวเองและรูป วิว
ถือว่าโอเคมากๆ เลยวันนี้ ได้เวลาลงไปข้างล่าง
พอลงมาข้างล่างมาเจอ Tourist Infomation นึกในใจทำไมพึ่งสังเกตเห็นตอนจะกลับแล้วเนี่ย 555 แต่ก็เข้าไปขอเอกสารมาเก็บไว้อ่าน เผื่อได้มาอีกครั้งหน้า
บริเวณ แถวๆ นั้นมีร้านฝากกระเป๋าอยู่หลายร้านเลยนะครับ สะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวมากๆ จากนั้นผมก็เดินเที่ยวในเมืองต่ออีกนิดหน่อย หาข้าวกินแล้วก็เข้าที่พักเลย
คือผมจะเข้าที่พักเร็วมาก เพราะ 6 โมง ทุ่มหนึงผมก็หลับแล้วครับ มันยังปรับเวลาไม่ได้ เพราะที่นี่ช้ากว่าไทย 12 ชั่วโมง กิน นอนไม่เป็นเวลาเลยช่วงนี้
…สำหรับความรู้สึกวันนี้ที่ได้มาถึง มาชูปิกชู ไดัมาเห็นด้วยตาจริงๆ มันน่าทึ่งมาก ทั้งภูเขาโดยรอบ ใหญ่โตอะไรปานนั้น มาชูปิกชูเองก็แบบ สร้างได้ไงขนาดนี้ อีกอย่างนะ ขนาดเปรูตกเป็นเมืองขึ้นของสเปนกว่า 300 ปี สเปนเองยังไม่เจอ มาชูปิกชู อะคิดดู
จบวันนี้ด้วยความภูมิใจ เพราะสำหรับคนไทยแล้ว การจะมาที่นี่นั้นมันยากมากๆ เพราะเดินทางไกลมาก กำลังใจของตัวเองนี่สำคัญมาก เอาตรงๆ ก็เกือบถอดใจกลางทางจะเที่ยวอยู่แค่ยุโรปแล้วตอนแรก แต่ก็ยังดีที่ไม่ล้มแผนซะก่อน มาจนได้เห็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ปลายทางแห่งฝันของนักเดินทางทั่วโลก
ขอบคุณสภาพอากาศจริงๆ วันนี้ ที่เห็นใจคนมาไกล เพราะช่วงเดือนกุมภาที่มานี้ คือช่วงหน้าฝนที่ฝนตกเยอะที่สุดของปี และพยากรณ์อากาศก็บอกว่าวันนี้ฝนจะตกเกือบทั้งวัน
การเดินทางครั้งนี้ยังไม่จบ
เดี๋ยวตอนหน้าจะ พาชมจุดกางเต็นท์ ที่มาชูปิกชู และเดินเที่ยว เมืองอากวาส กาเลียนเตส (Aguas Calientes) ชมเทศกาล Carnavales ที่ผู้คนจะออกมสาดน้ำกัน และรีวิวการเดินทางขากลับไปที่เมือง Cusco คุสโก คลิกลิงค์ด้านล่างได้เลย
คลิก >> รีวิวเที่ยว มาชูปิกชู MACHU PICCHU : EP3 เมืองอากวาส กาเลียนเตส (AGUAS CALIENTES)
รีวิวอื่นๆ
1.รีวิวเที่ยวไทเป 4 วัน 3 คืน “ไต้หวัน” ฉบับพาครอบครัวเที่ยว ก.พ. 2562
2.นาโกย่า ห้ามพลาด!! พาเที่ยวแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว เมืองนาโกย่า (NAGOYA)
3.แชร์ประสบการณ์ การขอวีซ่าออสเตรเลีย ได้มาแบบ “MULTIPLE 3 ปี” 3 วันรู้ผล