สวัสดีครับ วันนี้ขอพาทุกคนไปเที่ยวที่ปีนัง ประเทศมาเลเชีย ใกล้ๆ ไทยนี่เอง ต้องบอกว่าได้ยินชื่อมานานสำหรับปีนัง ดูแล้วก็น่าเที่ยว เป็นจุดหมายที่ต้องลงรายการไว้เลยว่าต้องไป จนได้มีโอกาสเดินทางไปจริงๆ รู้สึกชอบมากเลยทีเดียวครับ ซึ่งทริปนี้ผมเดินทาง 4 วัน 3 คืน สมาชิกร่วมทริปรวมผมก็ 2 คนครับ
หลายคนอาจจะคุ้นๆ กับภาพเมืองปีนังที่เต็มไปด้วย street art เก๋ๆ เต็มเมืองเลย แต่จะบอกว่าปีนังไม่ได้มีแค่ Street Art นะ ปีนังยังมีที่เที่ยวชายทะเล ที่เที่ยวบนเขาท่ามกลางธรรมชาติ ที่ Penang Hill หรือจะขึ้นไปชมวิวมุมสูงของเมือง ที่ The Top ก็โอเคเลย
- ส่วนเรื่องอาหารการกิน ก็หลากหลาย คนไทยกินได้ถูกปากแน่นอน เพราะหลายเมนูก็คล้ายๆ กับบ้านเราเลย และที่สำคัญราคาไม่แพง
- เรื่องการเดินทาง สะดวกง่าย และราคาถูกต้อง ใช้ Grab car เลย ทั้งทริปหมดค่าเดินทางไม่ถึง 6 ร้อยบาทครับ หาร สองคนก็ตกคนละ 3 ร้อยเองถือว่าหมดกับค่าเดินทางน้อยมาก
- ผมเดินทางช่วงวันที่ 2-5 ก.ย. 2562 4 วัน 3 คืน ก็กำลังดีครับ ไม่เร่งรีบมาก แต่ถ้าใครมีเวลา 3 วัน ก็เที่ยวได้เหมือนกันครับ
- สภาพอากาศช่วงที่มา ก็มีฝนตกบ้าง แต่ก็เที่ยวได้
- ค่าเงิน 1 ริงกิต จะประมาณ 7.3 บาท (ตามเรทที่พวกเราแลกมานะครับ)
- เวลาที่มาเลจะเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง
KTC World Travel Service
บริการข้อมูลการเดินทางและท่องเที่ยวครบวงจร พร้อมอำนวยความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยบริการวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นตั๋วเครื่องบิน โรงแรม หรือแพ็กเกจทัวร์ ท่องเที่ยวต่างๆ สามารถจองผ่านที่นี่ได้เลย
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ktcworld.co.th
- ไม่มีค่าธรรมเนียมในการรูดบัตร
- ส่วนลดสูงสุด 20% สําหรับการซื้อประกันการเดินทางกับบริษัท เอ จี เอ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) *ส่วนลดสูงสุดขึ้นอยู่กับประเภทบัตร
- รับวงเงินประกันอุบัติเหตุเพิ่ม ตามเงื่อนไขกรมธรรม์เมื่อซื้อตั๋วเครื่องบินและบริการทัวร์ทั้งในและต่างประเทศ
เริ่มต้นการเดินทาง
สำหรับการเดินทางจากไทยไปปีนัง เราเลือกบินกับสายการบินแอร์เอเชีย ครับ บินตรงจาก ดอนเมือง – ปีนัง ใช้เวลาบินประมาณ 1.50 ชั่วโมง
รายละเอียดไฟล์ทเดินทาง
- ไฟล์ทขาไป ดอนเมือง – ปีนัง : FD403 10.50-13.35
- ไฟล์ทขากลับ ปีนัง – ดอนเมือง : FD404 14.00-14.45
บินประมาณ 1.50 ชั่วโมงเราก็มาถึงที่สนามบินปีนัง
Sim Net สำหรับใช้งาน ที่มาเลเซีย
ที่นี่ซิมเค้าจะถูกกว่าซิมเน็ตบ้านเรานะครับ ราคา 25 ริงกิต หรือประ 185 บาท มีหลายแพ็คเกจให้เลือก ผมก็เลือกเป็นแพ็คเกจเล่นโซเชี่ยวได้แบบไม่จำกัด ถูกใจคนชอบใช้ Facebook , IG เลยทีเดียวละครับ แต่ต้องบอกก่อนว่าเน็ตที่มาเลไม่เร็วเลย อย่าคาดหวังอะไรมาก ครับ ฮ่าๆ
การเดินทางจากสนามบินเข้าเมือง
มีรถบัสบริการ ราคา 2.7 ริงกิต (หาเงินจ่ายให้พอดี เพราะเค้าจะไม่ทอน)ไม่แพงครับนั่งประมาณ ครึ่งชั่วโมงก็ถึงกลางเมืองโดยรถจะมาจอดที่ PRANGIN MALL จากนั้นค่อยเรียก Grab ไปโรงแรมครับ แต่ตอนที่พวกผมมาถึง PRANGIN MALL ก็ดันเผลอเรียกแท็กซี่ไปส่งที่โรงแรม โดนฟันไป 14 ริงกิต ซึ่งมารู้ทีหลังว่ามันแพง ถ้าใช้ Grab น่าจะไม่เกิน 5 ริงกิตครับ นี่เป็นการใช้บริการแท็กซี่ครั้งแรกและครั้งเดียวของเรา
*** Grab จากสนามบินมาส่งที่โรงแรมในเมืองค่าบริการไม่เกิน 250 บาทครับ ผมว่าแบบนี้สะดวกกว่าครับ
Royal Penang Hotel
ทริปนี้ เราเลือกพักที่นี่ครับ ราคา 3 คืน จองมาได้ในราคา 3980 บาท เป็นห้องพัก 2 คนรวมอาหารเช้า ซึ่งเราจองผ่าน KTC World Travel Service
ซึ่งเค้ามีโปรโมชั่นด้วยนะ
- รับส่วนลด 500 บาท/เซลล์สลิป เมื่อซื้อแพคเกจท่องเที่ยวปีนัง มูลค่า 10,000 บาท ขึ้นไป
- สำหรับผู้ใช้บริการใหม่ รับส่วนลด 400 บาท เมื่อชำระสินค้าและบริการในหมวดท่องเที่ยว ตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ทาง Call Center
- พร้อมลุ้นรับกล้อง GoPro Hero 7 มูลค่า 14,900 บาท เมื่อมียอดใช้จ่ายสะสมสูงสุด
สำหรับ Royal Penang Hotel ก็เป็นโรงแรมใหญ่ กลางเมือง โลเคชั่นดีเลย มีร้านค้าร้านอาหารบริเวณรอบๆ เยอะครับ
***สำหรับที่มาเลเชีย เราต้องมาจ่ายภาษีนักท่องเที่ยวที่โรงแรมเพิ่มอีก เพราะจะไม่รวมมาในราคาห้องที่จองออนไลน์มา ซึ่งทริปนี้เราจ่ายเพิ่ม 39 RM สำหรับ 2 คน 3 คืน
ห้องพักโดยรวมโอเคเลย สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบ ชอบตรงมีเตารีดให้ด้วย ฮ่าๆ
แต่ที่นี่อาหารเช้าตัวเลือกมันมีไม่ค่อยเยอะ โดยรวมก็กลางๆ พอใช้สำหรับอาหารเช้า
หมู่บ้านชาวประมง Chew Jetty
เก็บกระเป๋าเข้าที่พักเสร็จ เย็นๆ เราก็ออกมาเที่ยวที่ หมู่บ้านชาวประมง ซึ่งก็ได้ทำเป็นแหล่งท่องเที่ยว มาชมบรรยากาศวิถีชีวิตของชุมชนชาวประมง โดยก็จะมีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของ ให้อารมณ์คล้ายๆ ตลาดน้ำอัมพวาเหมือนกัน
บรรยากาศช่วงเย็นคือชิลล์มาก คนมานั่งชิลล์ๆ รับลมทะเลตรงท่าเรือกันเยอะเลย ถ้าใครไม่ได้รีบไปไหน หาที่ชิลล์ๆ นั่งเล่น แนะนำที่นี่เลย
City of Art
ปีนังต้องบอกว่าเป็นเมืองแห่งศิลปะจริงๆ ครับ ทั่วทั้งเมืองเต็มไปด้วยผลงานศิลปะ ตามกำแพง ผนังตึก ต่างๆ ใครมาก็แนะนำพกแผนที่ท่องเที่ยวของเมืองปีนังมาด้วย มีแจกตามสถานที่ทั่วไป ที่สนามบิน ตามโรงแรมก็มีครับ ซึ่งแผนที่ก็จะบอกพิกัดว่างานศิลปะแต่ละงานอยู่ตรงจุดไหนของเมืองบ้าง งานศิลปะดังๆ ที่เรารู้จักก็จะอยู่ไม่ไกลกันครับ สามารถเดินหากันได้สบายๆ
เท่าที่สังเกต ก็จะมีงานศิลปะ เก่าๆ ที่เป็นที่รู้จัก และงานศิลปะใหม่ๆ ที่เค้าก็ทำใหม่ขึ้นเรื่อยๆ ก็เหมือนจะดันเมืองนี้เป็นเมืองแห่งงานศิลปะจริงๆ เดินไปจุดไหนก็เต็มไปด้วยงานศิลปะ ซึ่งก็กลายเป็นจุดให้เราเลือกแวะถ่ายรูปได้เยอะแยะมากมาย
จริงๆ แล้วปีนั่ง กับเมืองเก่าภูเก็ตนี่ก็บรรยากาศคล้ายกันมากๆ ด้วยความที่อยู่ไม่ไกลกัน วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ อาหาร อะไรพวกนี้จึงมีความคล้ายกันมากๆ
ใกล้ๆ งานศิลปะที่เป็นชิงช้า จะมีตรอกเล็กๆ ซึ่งเป็นร้านขายของเก๋ๆ หลายอย่าง ผมก็ลองๆ เดินเข้าไปดู ก็ไปเจอร้านหนึงบรรยากาศร้านดีมากๆ น่านั่ง เดินผ่านนี่ต้องขอแวะทานกันก่อนเลย นี่ยังคุยกับเพื่อนอยู่เลยครับ ว่าทำไมเค้ามาทำร้านในหลืบขนาดนี้
จะเห็นว่าผมใส่ 2 ชุดนะ ก็คือมาสองวัน ที่เที่ยวก็จะอยู่ใกล้ๆ กัน มาวันที่สองก็ขอแวะถ่ายอีก ก็เลยเอารูปมาผสมๆ กันนะครับ ฮ่าๆ
มื้อค่ำของวันแรก
พอดีช่วงค่ำๆ เราก็มาเล่นโซนในเมือง รู้สึกหิวก็เดินๆ หาร้านกินข้าว ก็มาเจอร้านนี่เห็นคนนั่งเยอะ ดูแล้วก็น่ากินดี ชื่อร้าน Yong Pin Restaurant เป็นร้านติ่มซำครับ แต่ก็มีเมนูอื่นขายด้วย ติ่มซำ นี่อร่อยโอเคเลยนะ สั่งไปหลายอย่างจนกินไม่ไหว ก็เป็นอีกหนึงร้านที่แนะนำได้เลย มื้อนี้เรากินหมดไป 48 ริงกิต
เที่ยววันที่ 2
เริ่มต้นเที่ยววันนี้ กว่าจะกินมื้อเช้าออกจากที่พักได้ ก็เกือบๆ 11 โมงละครับ ตอนเช้านี่แดดออกเลย อุตส่าห์ดีใจว่าวันนี้อากาศดี แต่ที่ไหนได้ พอมาที่เที่ยวที่แรกฝนตกซะงั้น ก็เลยกลายเป็นว่าวันนี้ฝนตกๆ หยุดๆ ทั้งวันเลย เราก็เลยปรับแผนกันนิดหน่อย
Paranakan Mansion
ที่เที่ยวที่แรก พามาชม Paranakan Mansion ก็เป็นที่อยู่อาศัยของตระกลูคนมีเงินสมัยก่อน บางช่วงก็ใช้เป็นที่รับรองแขกคนสำคัญ อะไรประมาณนั้นครับ เค้าจะมีไกด์พาชม บรรยายประวัติจุดต่างๆ ด้วยนะครับ มีเป็นรอบๆ มีบรรยายเป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีน
สำหรับนักท่องเที่ยวก็ถือว่าเป็นจุดถ่ายรูปที่สวยเลยทีเดียว
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 20 ริงกิต/คน
ด้านในก็ประดับตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่ดูหรูหรา มีราคามากๆ
ไม่ไกลกันมากนักก็จะมีวัดเจ้าแม่กวนอิม ก็ขอเดินมาไหว้สักการะเพื่อเป็นศิริมงคลกันซักหน่อย
คาเฟ่ China House
พามาต่อที่ร้านคาเฟ่ ชื่อดัง ร้านนี้มีทั้งเครื่องดื่ม อาหาร ขนม เบเกอรี่ต่างๆ ให้บริการ จุดเด่นเลยน่าจะตรงที่มีเค้ก ขนมปังเบเกอรรี่ให้เลือกจำนวนมาก น่ากินๆ ทั้งนั้นครับ อาหาร เครื่องดื่มก็อร่อย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนเยอะถือว่าเป็นร้านที่โอเคมากๆ แต่ราคาก็ใช้ได้เหมือนกัน ราคาสูงใช้ได้ ฮ่าๆ มื้อนี้กิน 2 คนหมดไป 97 ริงกิต
ร้านกาแฟโบราณ Ton soon
หลังจากเสร็จจากร้านแรกก็เดินเที่ยวกันต่ออีกซักพัก เพื่อนก็พามาแวะร้านกาแฟโบรานชื่อดังของเมืองอีกร้าน โอ้โห วันนี้รับปริมาณน้ำตาลเข้าเส้นเลือดทั้งวัน ฮ่าๆ
ร้านนี้ก็มีทั้งชา กาแฟ ขนมปังหลายอย่างให้เลือกทาน อารมณ์ร้านกาแฟมื้อเช้าครับ แต่เค้าเปิดขายทั้งวัน ร้านอยู่ในซอยเล็กๆ แต่มีคนแวะมากินตลอดไม่ขาดเลย
มื้อค่ำวันที่ 2
วันนี้เราได้รู้จักเพื่อนใหม่ เป็นคนท้องถิ่น พาพวกเราขับรถมาทานอาหาร Street food อร่อย ราคาประหยัดหลายเมนูเลย บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าชื่อเมนูอะไรบ้าง ที่ชอบก็น่าจะเป็น Laksa จะเป็นคล้ายๆ น้ำยาขนมจีนบ้านเราอร่อยเลยทีเดียว อย่างอื่นก็อร่อยนะ อร่อยทุกอย่างเลย เพื่อนสั่งมาให้เรากินหลายอย่างครับ กินของคาวเสร็จ สั่งของหวานมาต่อ เพราะของหวานน่าทานมาก ยอมอ้วนละครับมื้อนี้ รับความหวานอีกแล้ว ฮ่าๆ
พิกัด >> คลิก
THAI PAK KOONG TEMPLE TANJUNG TOKONG
กินมื้อค่ำเสร็จ เพื่อนเปิดรูปให้ดูว่ายูอยากไปดูไฟประดับที่วัดไทยนอกเมืองไหม พวกผมก็ไปซิ มีคนพาขับรถเที่ยวขนาดนี้ไม่ไปได้ไง ฮ่าๆ ที่นี่จะขับรถออกมาจากนอกเมืองนิดหน่อยครับ วัดนี้จะเป็นวัดติดทะเล ถ้ามาช่วงกลางวันก็คงจะสวยเหมือนกัน
เค้าทำดีมากเลย ประดับไฟสวยงาม ให้ความรู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในโลกของ Avatar เลย
แนะนำมากๆ เลยสำหรับที่นี่ เพราะ ไม่เสียค่าเข้าด้วย
เสร็จจากตรงนี้ เพื่อนก็พาเราขับรถเล่น ไปดูอีกสองสามที่ครับ กว่าจะกลับที่พักก็ดึกเลย เพื่อนใหม่ของเราสายฮามาก ทำผมหัวเราะจนน้ำตาไหล ฮ่าๆ เป็นอีกคืนที่ประทับใจมาก
เที่ยววันที่ 3
วันนี้จะพาทุกคนไปขึ้นเขาที่ Penang Hill กันครับ จริงๆ เราจะมาตั้งแต่เมื่อวานตอนบ่าย แต่พอดีฝนตก เราเลยต้องเปลี่ยนแผนกะทันหัน และเช้านี้อากาศดูโอเคเลยเลยรีบพากันออกจากที่พักและตรงมาที่นี่เลย
บน Penang Hill จะมีกิจกรรมหลายอย่างเลยนะครับ เช่น THE HABITAT ก็จะมีทั้งการโหนสลิง ทางเดินสลิงเข้าไปในป่า เป็นต้น ซึ่งบางกิจกรรมต้องเสียค่าเข้าชมแยกจากค่าขึ้นปกติครับ
ค่าขึ้น ตั๋วไปกลับจะอยู่ที่ 30 ริงกิต แบบธรรมดานะครับ มันจะมีราคาแบบ Fast Land ด้วย ไม่ต้องต่อคิวรอขึ้นรถราง
สำหรับการขึ้นไปบน Penang Hill ก็จะมีบริการรถราง ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ที่ดีเลย ตื่นเต้นดีครับ วิวระหว่างทางก็สวย ระยะทางจะประมาณ 2 กิโล เราก็ถึงบน Penang Hill รถรางเร็วเลยทีเดียวนะครับ
ขึ้นมาด้านบนก็จะได้เห็นบรรยากาศด้านล่างของเมืองปีนัง ซี่งวันที่พวกผมมานี่ จะมีหมอกควันขาวๆ ปกคลุมเมือง อากาศไม่เคลียร์เลย ถามคนขับ Grab เค้าบอกว่าตอนนี้ปีนังเจอปัญหาควันจากการเผาปาล์ม จากประเทศอินโดนีเซียลอยมาปกคลุม
ก็แอบเสียดายเหมือนกันครับ ถ้าขึ้นมาบน Penang Hill ช่วงที่อากาศดีๆ คงจะได้เห็นวิวสวยมากๆ
ขึ้นมาด้านบนนี่อากาศเย็นเลย บนเขาอากาศก็จะเย็นๆ ด้านบนก็จะมีจุดชมวิว ร้านค้า จุดถ่ายรูปสวยๆ ให้ได้เดินเล่นชิลล์ๆ
The Habitat @Penan Hill
บนปีนังฮิลล์ก็มีอีกหนึงสถานที่น่าสนใจ แต่ถ้าใครจะเข้าต้องจ่ายเงินค่าเข้าเพิ่มเติม นั่นก็คือ The Habitat ซึ่งเราก็ดูรูปก่อนมาแล้วว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียว และก็ตั้งใจเลยว่าจะมาที่นี่
- ค่าเข้า 190 ริงกิต
โดยบริเวณทางเข้าจะมีร้านกาแฟให้นั่งชมวิว บรรยากาศดีมากๆ นั่งทามกลางป่าสีเขียว ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมาก
ลักษณะ ก็จะเป็นทางเดินสลิงยาวๆ เข้าไปกลางป่า มี 2 ช่วง ซึ่งระหว่างทางเราก็จะเห็นสัตว์ป่า เช่น ลิง กระรอก นก ต่างๆ เยอะเลยครับ
มีจุดให้เราแวะถ่ายรูปได้และนั่งเล่นชิลล์ๆ อยู่หลายจุดเลยครับ
เดินมาเรื่อยๆ ก็จะเจอกับจุดไฮไลท์ Curtis Crest Treetop Walk ที่เราสามารถขึ้นไปเดินชมวิวถ่ายรูปด้านบนได้ ก่อนขึ้น จนท เค้าก็จะอธิบายเรื่องความปลอดภัยก่อนว่าข้อห้ามมีอะไรบ้าง เช่น ห้ามถ่ายรูปผาดโผน เป็นต้น
เป็นอีกหนึ่งสถานที่ถ่ายรูปได้เก๋ๆ เลยครับ ก็แนะนำให้มานะครับสำหรับที่นี่ ถ้าวันอากาศดีๆ นี่น่าจะสวยทีเดียวเลย
แต่วันที่ผมมาเดิน อากาศค่อนข้างปิดครับ ซักพักดูท่าฝนจะตก เมฆลอยมาบัง มองไม่เห็นอะไรเลย ก็เลยพากันรีบเดินกลับ
เสร็จจาก The Habitat เราก็แวะกินข้าวที่ศูนย์อาหารบน ปีนังฮิลล์ และก็พากันนั่งรถรางกลับกันเลย ขาลงก็ตื่นเต้นไปอีกแบบครับ ได้เห็นวิวเมืองปีนังด้วย
The Top @Komtar tower
มาเที่ยวกันต่อที่ภาคบ่ายแก่ๆ ของวันนี้ พามาต่อที่ The Top @Komtar tower เป็นตึกสูงที่สุดในปีนัง ซึ่งสามารถขึ้นไปชมวิวที่ด้านบนได้ โดยตึกนี้ก็จะมีกิจกรรมหลากหลายครับ เช่น
-RAINBOW SKYWALK
-PENANG BOUTIQUE AQUARIUM
-7D DISCOVERY MOTION THEATER
-THE GRAVITYZ
และอีกหลายกิจกรรม สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://thetop.com.my ซึ่งวันนี้ผมก็จะพาไปชมวิวมุมสูง และพาเล่นบางกิจกรรมของที่นี่ เดี๋ยวไปดูกันว่าผมจะพาไปเล่นอะไรบ้าง
Rainbow Skywalk and Observatory Deck
- ค่าขึ้น 68 RM
โดยส่วนแรกที่เราขึ้นตึกมา จะเป็นชั้น 65 ก็จะเป็นส่วนของ Observatory Deck พอเข้ามาจะเป็นห้องปิดและมีการเปิดหนังสั้นบอกเล่าเรื่องราวกว่าจะมาเป็น The Top จากนั้นจอจะเปิดออกและทำให้เราได้เห็นวิวของเมือง ซึ่งวิวด้านล่างก็จะเป็นวิวในส่วนของ George Town’s
ชั้น 65 ส่วน Observatory Deck ก็จะมีพื้นกระจกใส ให้ทดสอบความเสียวโดยเราสามารถ ไปยืนและมองมายังด้านล่างได้ ใครกลัวความสูงงานนี้ต้องมีขาสั่นแน่นอน
Rainbow Skywalk จะอยู่ที่ชั้น 68 ต้องขึ้นลิฟท์จากชั้น 65 ต่อไป โดยลักษณะจะเป็นทางเดินกระจกใสรูปตัว U ยื่นออกไปนอกตึก ผมนี่แทบไม่กล้ามองข้างล่างเลย
วิวเมือง George Town’s
THE GRAVITYZ
มาต่อกันที่กิจกรรมนี้ ที่ผมเลือกเล่นนะครับ จะอยู่บริเวณชั้น 65 จะเป็นการเดินรอบตึก ณ ความสูงของชั้น 65 ซึ่งไม่ใช่เดินรอบตึกธรรมดา เหมือนเค้าจะมีฐานให้เราทำด้วย เช่นเดินหลับตาถอยหลังเดิน การขึ้นไปยืนบนเสาเล็กๆ หรือการโหนสลิง งานนี้บอกเลยเสียวมากๆ
ใครจะเล่นต้องจ่ายแยกนะครับ ราคา 149 ริงกิต
จะมีประมาณ 6 ฐาน ให้ทดสอบความเสียวกันครับ บางฐานต้องบอกเลยว่าผมเล่นได้ไม่จบ พอมองไปข้างล่างแล้วเข่าอ่อนเลย
วิวจากด้านบนแบบไม่ต้องมีกระจกบัง
มื้อเย็นคืนวันสุดท้ายที่ปีนัง วันนี้เพื่อนที่ปีนังพาทัวร์อีกแล้ว พามากิน Street food อีกที่ ที่คนท้องถิ่นเค้าชอบมากินกัน ก็จะมีทั้งบะหมี่แห้ง คนมาซื้อเยอะมาก พ่อค้านี่ทำตามแทบไม่ทันเลย แล้วก็จะมีเมนูคล้ายๆ น้ำยาขนมจีน อร่อยมาก ขนมอีกอย่างที่อร่อยผมกินไม่หยุดเลย คือแป้งโรตีกรอบ อร่อยมากๆ มาต้องลองกินนะ ซึ่งเพื่อนก็ไปซื้อมาให้ลองชิมเกือบทุกร้านเลยเลี้ยงเราด้วย ฮ่าๆ
พิกัด คือพิมชื่อป้ายร้านตามรูปด้านล่างเลย
จากนั้นเพื่อน ก็พาไปแหล่งที่วัยรุ่นเค้าชอบมากันก็คือที่ Auto Mall ซึ่งจะอยู่ริมทะเลเลยครับ มีทางเดินริมหาดให้เดินเล่นด้วย ซึ่งที่ Auto Mall ก็จะมีร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านชาไข่มุกดังๆ อยู่หลายร้าน วัยรุ่นก็จะนั่งกันเยอะเลยแถวนี้ ใครอยากแอ๊วหนุ่มสาววัยรุ่น ก็ต้องมาย่านนี้เลย
บริเวณริมหาดใกล้ๆ Auto Mall จะมีประติมากรรมเสา 4 เสาอยู่ ซึ่งแถวๆ นี้ก็จะเป็นย่านที่วัยรุ่น คู่รักเค้าชอบมาเดินกัน
จบวันที่ 3 แบบไม่รู้จะไปไหนต่อก็เลยให้เพื่อนพากลับที่พัก พักก่อนกันดีกว่า
เที่ยววันที่ 4 วันสุดท้าย
ตื่นเช้ามา ทานมื้อเช้า เก็บกระเป๋า แล้วขอออกไปเก็บอีกซักหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวก่อนกลับ ตอนแรกผมก็ว่าจะไม่ไปแต่เพื่อนอยากไป งั้นไปก็ไป ฮ่าๆ ไปแล้วก็เออสวยดีนะ
Kek Lok Si
วัดเก็กลกสี่ ตั้งอยู่บนเขา ออกมาจากเมืองปีนังแป๊ปเดียวครับ ที่นี่ถือว่าเป็นวัดเก่าแก่ และมีชื่อเสียงมากของเมืองปีนัง จัดได้ว่าเป็นสถานที่ห้ามพลาดเมือมาปีนังเลยก็ว่าได้ ผมมาแล้วก็รู้สึกว่า สวยบรรยากาศดีจริงๆ ครับ
ที่นี่มีหลายส่วนที่น่าสนใจ ทั้งหอสวดมนต์ เจดีย์ หอระฆัง และสระเต่า เดินเที่ยว ถ่ายรูปได้ชิลล์ๆ เลย
เสร็จจากวัดเราก็กลับไปเอากระเป๋าและเช็คเอาท์โรงแรม และตรงไปสนามบินกันเลย
ไฟล์ทขากลับ ปีนัง ถึงดอนเมือง : FD404 14.00-14.45 บินแอร์เอเชียเหมือนเดิมครับ
สรุปทริป สำหรับการมาปีนังทริปนี้ก็ถือว่าชอบมากๆ ชอบทั้งอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และรู้สึกว่าของราคาไม่แพงทั้งค่าเดินทาง ค่ากิน ไม่แพงเลยครับ อีกทั้งที่รู้สึกยินดีมากคือทริปนี้เราได้เพื่อนใหม่ ที่ดีกับเรามากๆ ทั้งได้เที่ยวและได้มิตรภาพกลับมาด้วย ถือเป็นการเที่ยวที่คุ้มค่ามาก
ก็เป็นอีกเมืองที่แนะนำเลยนะครับ สำหรับปีนัง เที่ยวง่าย บินแป๊ปเดียวจากไทยก็ถึง มีเวลา 3-4 วัน อยากไปเที่ยวที่ไหนซักที่ ราคาไม่แพงก็แนะนำปีนังเลย
สรุปค่าใช้จ่าย
สำหรับค่าใช้จ่ายทริปนี้ขอสรุปแบบไม่รวมตั๋วเครื่องบินนะครับ เพราะแต่ละคนอาจจะได้ราคาตั๋วที่แตกต่างกันนะ ซึ่งตั๋วปีนังถ้าจองช่วงโปรโมชั่น ก็ไม่แพงครับ ไปกลับประมาณ 2 พันบาท ของแอร์เอเชียก็เห็นบ่อย
ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็ตามด้านล่างครับ จะเห็นว่าเราจะไปหนักตรงค่าโรงแรมและค่าเล่นกิจกรรม ซึ่งถ้าใครอยากเที่ยวแนวประหยัด โรงแรมราคาหลักร้อยก็มีให้เลือกเยอะมากครับ แต่ทริปนี้เราอยากนอนดีกันนิดหนึง
ส่วนค่ากิจกรรม ก็เลือกได้นะครับ ว่าจะเล่นหรือไม่เล่นอะไรบ้าง
รีวิวอื่นๆ
1.รีวิวเที่ยวญาจาง NHA TRANG เมืองชายทะเล ประเทศเวียดนาม
2.รีวิวพาเที่ยวเกาะช้าง จ.ตราด 3 วัน 2 คืน พักที่ AWA RESORT KOH CHANG